วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พระคําของพระเจ้า













พระคําของพระเจ้า
บทที่1 พระเจ้าบทที่2 พระวิญญาณของพระเจ้าบทที่3 พระสัญญาของพระเจ้า บทที่4 พระเจ้ากับความตายบทที่5 แผ่นดินของพระเจ้าบทที่6 พระเจ้าและความชั่วร้ายบทที่7 การบังเกิดพระเยซูบทที่8 ธรรมชาติของพระเยซูบทที่9 การรับบัพติศมาบทที่10 ชีวิตในพระคริสต์คำเผยพระวจนะส่วนตัว1.1 การดำรงพระชนม์ชีพอยู่ของพระเจ้า"ผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์" (ฮิบรู 11:6) เนื้อหาของบทเรียนนี้จะช่วยให้ผู้ที่ต้องการมาหาพระเจ้า ก่อนอื่นจะต้องเชื่อว่า "พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่" เราจึงไม่กังวลกับหลักฐานที่ยืนยันศรัทธาในการมีพระชมน์ชีพอยู่ของพระเจ้า การสำรวจโครงสร้างอันซับซ้อนของร่างกาย (cp. Ps.139:14) และรูปแบบที่เด่นชัดในดอกไม้ การเพ่งพินิจน์ความว่างเปล่าอันไพศาลของราตรีกาลที่ใสกระจ่าง ภาพสะท้อนชีวิตเหล่านี้และอื่นๆอีกมากมายทำให้ความเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีพระเจ้ากลายเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อ การเชื่อว่าไม่มีพระเจ้าดูจะต้องใช้ศรัทธามากกว่าการเชื่อว่ามีพระเจ้าอยู่จริง หากขาดพระเจ้าก็ไร้ซึ่งระเบียบ วัตถุประสงค์ และคำอธิบายในเรื่องจักรวาล ซึ่งสิ่งนี้จึงสะท้อนอยู่ในชีวิตของผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่น่าแปลกที่มนุษย์ส่วนใหญ่มีความเชื่อในพระเจ้าต่างกัน แม้แต่ในสังคมที่วัตถุกลายเป็นพระเจ้าก็ตามแต่ก็มีความแตกต่างกันมากระหว่างความเชื่อว่ามีพลังที่เหนือกว่า กับความเชื่อว่าพระเจ้าจะประทานบำเหน็จตอบแทนให้แก่ผู้ที่รับใช้พระองค์ ฮิบรู 11:6 กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เรา"ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์"ข้อพระคัมภีร์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอลของพระเจ้า ประเด็นที่มีการกล่าวกันบ่อยครั้งคือ ความเชื่อของชนชาติยิวว่าพระเจ้าทรงดำรงพระชนม์อยู่มีไม่เท่ากับความศรัทธาต่อสิ่งที่พระองค์ทรงให้สัญญา ชนชาติยิวได้รับการบอกเล่าจากโมเสสผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ของเขาว่า "จงทราบเสียในวันนี้ และตรึกตรองอยู่ในใจว่า พระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์เบื้องบน และบนแผ่นดินเบื้องล่างหามีพระเจ้าอื่นใดอีกไม่เลย เพราะฉะนั้นพวกท่านจงรักษากฎเกณฑ์ และพระราชบัญญัติของพระองค์" (เฉลยธรรมบัญญัติ 4:39, 40)มีการกล่าวถึงประเด็นเดิมอีกว่า การที่จิตของเราตระหนักว่าพระเจ้าทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น ไม่ได้หมายความว่าเราได้รับการต้อนรับจากพระเจ้าโดยอัตโนมัติ ถ้าเราเชื่ออย่างจริงจังว่าเรามีพระผู้ทรงสร้าง เราก็ควรจะ "รักษากฎเกณฑ์ และพระราชบัญญัติของพระองค์" บทเรียนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายพระบัญญัติ และวิธีปฏิบัติตามพระบัญญัติ เมื่อได้อ่านพระคัมภีร์ เราจะยิ่งรู้สึกศรัทธามากขึ้นว่า พระเจ้าทรงพระชนม์ชีพอยู่:"ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์" (โรม 10: 17) เช่นเดียวกับในหนังสืออิสยาห์ 43:9-12 ที่ทำให้ประจักษ์ว่าความเข้าใจในคำพยากรณ์อนาคตของพระเจ้า ช่วยให้เรารู้ว่า "เราเป็นพระเจ้า" (อิสยาห์ 43:13) พระนามแห่งพระเจ้าที่ว่า "เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น" คือความเป็นจริงอันสมบูรณ์แบบ (อพยพ 3:14) อัครทูตเปาโลเดินทางมายังเมืองชื่อเบเรีย (Berea) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศกรีซตอยเหนือ โดยปกติเปาโลจะประกาศข่าวประเสริฐ ('ข่าวดี') ของพระเจ้า แต่แทนที่คนในเมืองจะน้อมรับคำสอนของเปาโล "เขามีใจเลื่อมใสรับพระวจนะของพระเจ้า และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่ เหตุฉะนั้นพวกเขามีหลายคนได้เชื่อถือ" (กิจการของอัครทูต 17:11,12) ความเชื่อของพวกเขาเกิดจากการเปิดใจ และการค้นดูพระคัมภีร์อย่างมีระบบ ('ข้อความเหล่านั้น') และสม่ำเสมอ ('ทุกวัน') การมีศรัทธาที่แท้จริงจึงมิได้เกิดจากพระเจ้าประทานให้ในบัดดล ด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนจิตให้เกิดศรัทธา โดยไม่มีความเกี่ยวพันกับพระวจนะของพระเจ้าเลย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคนเข้าร่วมในขบวนรณรงค์ของบิลลี่แกรแฮม หรือการชุมนุมในวันเทศกาลเพนเทคอสต์ในฐานะ "ผู้ศรัทธา" การค้นดูพระคัมภีร์จะต้องใช้เวลานานเท่าไรในกรณีนี้? การขาดศรัทธาที่แท้จริงในพระคัมภีร์เกิดจากความว่างเปล่า ซึ่ง "ผู้เข้ารีต" จะพบหลังจากหันมาเชื่อในพระเจ้า และเหตุผลที่มีคนจำนวนมากหันเหความเชื่อออกจากคำสอนของคริสตศาสนา (Evangelical Movement)บทเรียนนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อหารูปแบบที่เหมาะสมในการค้นพระคัมภีร์ได้อย่างมีระบบ เพื่อให้คุณเกิดความเชื่อเช่นเดียวกัน ดังนั้นในการประกาศข่าวประเสริฐจึงมักจะให้ความสำคัญกับ ความสัมพันธ์ระหว่างการรับฟังข่าวประเสริฐ กับการมีศรัทธาที่แท้จริงเสมอขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง- "ชาวโครินธ์หลายคนเมื่อได้ฟังเปาโลแล้ว ก็ได้เชื่อถือและรับบัพติศมา" (กิจการของอัครทูต18:8)- เรา "ฟัง ข่าวประเสริฐและเชื่อ" (กิจการของอัครทูต15:7)- "เราทั้งหลายก็ได้ประกาศอย่างที่กล่าวมานั้น และท่านทั้งหลายก็ได้เชื่ออย่างนั้น" (1 โครินธ์15:11)- คำเปรียบนั้นก็อย่างนี้ "เมล็ดพืช" นั้นได้แก่พระวจนะของพระเจ้า (ลูกา8:11); มีความเชื่อเท่าเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่ง (ลูกา17:6), ความเชื่อมาจากการยอมรับ "คำที่ก่อให้เกิดความเชื่อ" (โรม10:8), "เจริญด้วยคำสอนแห่งความเชื่อ และด้วยหลักธรรมอันดีที่ท่านได้ประพฤติตามนั้น" (1 ทิโมธี4:6), เข้าไปในใจซึ่งเปิดรับความเชื่อในพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ (กาลาเทีย2:2 cp. ฮีบรู4:2)- อัครทูตยอห์นกล่าวถึงบันทึกของพระเจ้าว่า "เขาพูดความจริง เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อ" (ยอห์น 19:35) และพระวจนะของพระองค์เป็น "ความจริง" (ยอห์น17:17) - ซึ่งเราเชื่อได้1.2 พระเจ้าทรงมีตัวตนเนื้อหาในพระคัมภีร์มีความสูงส่งและยิ่งใหญ่ จากการที่พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์เป็นเสมือนมนุษย์ที่มีตัวตนจริง และสามารถจับต้องได้ ชาวคริสเตียนได้รับคำสอนตั้งแต่ต้นว่า พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า ถ้าพระเจ้าไม่มีตัวตนจริง ก็เป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงมีพระบุตร ซึ่งมี "รูปลักษณ์เป็นมนุษย์" (ฮิบรู 1:3) นอกจากนั้นยังยากที่เราจะพัฒนาความสัมพันธ์แบบบุคคลต่อบุคคลกับ 'พระเจ้า' ได้ หาก 'พระเจ้า' เป็นเพียงมโนทัศน์ หรือจิตที่ล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าเท่านั้น จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ศาสนาส่วนใหญ่มีแนวคิดเรื่องพระเจ้าที่ไม่มีตัวตนจริง และไม่สามารถจับต้องได้พระเจ้าทรงความยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้เหนือกว่ามนุษย์เช่นเรา จึงไม่น่าแปลกที่มีคนจำนวนมากหยุดศรัทธาของตนเองไว้กับคำสัญญาว่า เราจะได้เห็นพระเจ้าในที่สุด ชนชาติอิสราเอลขาดศรัทธาที่จะมองเห็น "รูปร่าง" ของพระเจ้า (ยอห์น5:37) ซึ่งสำแดงให้ประจักษ์ว่าพระองค์ทรงมีรูปร่างที่แท้จริง ศรัทธาดังกล่าวเกิดจากการได้รู้จักพระเจ้า และเชื่อในพระวจนะ:"บุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้า" (มัทธิว5:8)"บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ (พระเจ้า) จะนมัสการพระองค์ เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์; และพระนามของพระองค์ (พระเจ้า - วิวรณ์3:12) จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา" (วิวรณ์22:3,4)ความหวังที่วิเศษเช่นนั้นถ้าเราเชื่ออย่างจริงจัง ก็จะส่งให้เกิดผลทางปฏิบัติในชีวิตของเราเอง:"จงอุตส่าห์ที่จะอยู่อย่างสงบกับคนทั้งหลาย และอุตส่าห์ที่จะได้ใจบริสุทธิ์ ซึ่งถ้าใจไม่บริสุทธิ์ก็จะไม่มีผู้ใดได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย" (ฮีบรู12:14)เราไม่ควรสบถสาบาน เพราะ We should not swear, because "ผู้ใดจะสาบานอ้างสวรรค์ ก็สาบานอ้างพระที่นั่งของพระเจ้า และอ้างพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นด้วย" (มัทธิว23:22). นี่คงเป็นเรื่องไร้สาระถ้าพระเจ้าทรงไม่มีตัวตนจริง"เราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น (ปรากฏพระองค์ในรูปของพระเยซู) และทุกคนที่มีความหวังอย่างนี้ ก็ชำระตนให้บริสุทธิ์ดังที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์" (1 ยอห์น3:2,3)ในช่วงชีวิตนี้เรายังมีความเข้าใจเกี่ยวกับพระบิดาในสวรรค์น้อยมาก แต่เราสามารถมองทะลุไปเบื้องหน้า ผ่านความมืดมนอันสับสนของชีวิตปัจจุบัน เพื่อไปพบพระเจ้าได้ในที่สุด การได้เห็นพระวรกายของพระเจ้าย่อมทำให้เราเข้าใจพระองค์ได้ดียิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นจึงทำให้โยบปลื้มปิติกับประสบการณ์ที่เขาได้รับจากพระเจ้าในวันสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสก็ตาม:"หลังจากผิวหนังของข้าถูกทำลาย (หมายถึงความตาย) ไปอย่างนี้แล้วโดยปราศจากเนื้อหนังของข้า ข้าจะเห็นพระเจ้า: ผู้ซึ่งข้าจะได้เห็นเอง และนัยน์ตาของข้าจะได้เห็นไม่ใช่คนอื่น" (โยบ19:26,27)และอัครทูตเปาโลร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและสับสน:"บัดนี้เราเห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน" (1 โครินธ์13:12)ความเข้าใจที่ถูกต้องในพระเจ้าคือหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้เราเข้าถึงหลักคำสอนสำคัญๆในพระคัมภีร์ได้ การมีมโนคติที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพระเจ้า จะทำให้ความเป็นจริงในพระคัมภีร์เลือนลางไป เช่นเดียวกันกับความเท็จเมื่อเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็จะนำไปสู่ความเท็จอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ ถ้าคุณอ่านแล้วเห็นว่าข้อความในหนังสือบทนี้น่าเชื่อถือ แม้จะเป็นเพียงบางส่วนก็ตาม จะเกิดคำถามตามมาว่า 'คุณรู้จักพระเจ้าได้จริงหรือไม่?' ซึ่งเราจะได้ดูจากคำสอนเกี่ยวกับพระเจ้าในพระคัมภีร์ต่อไป1.3 พระนามและพระกิตติคุณของพระเจ้าถ้ามีพระเจ้าจริง ก็น่าจะมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าพระองค์จะต้องคิดหาวิธีบอกเรื่องราวของพระองค์แก่เรา เราเชื่อว่าพระคัมภีร์คือสื่อที่พระเจ้าใช้สำแดงพระองค์ต่อมนุษย์ และพระคัมภีร์ทำให้เราได้เห็นพระกิตติคุณของพระเจ้าที่สำแดงออกมา นี่คือเหตุที่พระคัมภีร์บรรยายพระวจนะของพระเจ้าว่าเป็น "เมล็ดพันธ์" (เปโตร1:23) เพราะถ้าพระวจนะมีผลต่อจิตใจของเรา ทำให้มีสิ่งก่อกำเนิดขึ้นภายในที่มีลักษณะของพระเจ้า (ยากอบ1:18; 2 โครินธ์5:17) ดังนั้นยิ่งเราเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า และนำบทเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากเท่าไร เราก็จะยิ่ง "เป็นไปตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์" (โรม8:29) ซึ่งมีลักษณะอันเป็นพระฉายที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า (โคโลสี1:15) มีคุณค่าในการศึกษาพระคัมภีร์ในแง่ของประวัติศาสตร์ ซึ่งมีเหตุการณ์ต่างๆ ให้เราได้ศึกษาและเรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงจัดการกับมนุษย์และชนชาติต่างๆอย่างไร โดยจะเป็นไปในลักษณะเช่นเดียวกันตลอดในหนังสือฮีบรูชื่อของคนเรามักจะสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะและ/หรือข้อมูลเฉพาะของบุคคลคนนั้น ตัวอย่าวเช่น:'เยซู'= 'ผู้ช่วยให้รอด' - เพราะ "ท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วยชนชาติท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา" (มัทธิว1:21)'อับราฮัม'= 'บิดาของประชาชาติมากมาย' - "เราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย" (ปฐมกาล17:5)จึงเชื่อได้ว่าพระนามและพระกิตติศัพท์ของพระเจ้าจะทำให้เราได้ทราบข้อมูลของพระองค์มากมาย เนื่องจากพระเจ้าทรงมีพระจริยาวัตรและพระประสงค์มากมายหลายด้าน จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระนามมากเกินกว่า 1 พระนาม ซึ่งขอแนะนำให้ศึกษาพระนามของพระเจ้าอย่างละเอียดหลังจากทำพิธีบัพติศมาแล้ว การแสดงความชื่นชมในพระจริยาวัตรของพระเจ้าผ่านทางการเรียกขานพระนาม ควรจะดำรงอยู่ตลอดชั่วชีวิตที่เราได้มอบให้พระองค์ สิ่งที่จะกล่าวต่อไปคือบทนำเมื่อโมเสสต้องการจะรู้จักพระเจ้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อเสริมแรงศรัทธาในช่วงเวลาที่ประสบความทุกข์นั้น ทูตได้ "ออกพระนามพระเจ้า: พระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์ พระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา ทรงกอปรด้วยพระคุณ ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และความสัตย์จริง ต่อมนุษย์กระทั่งพันชั่วอายุ ผู้ทรงโปรดยกโทษการล่วงละเมิด การทรยศ และบาปของเขาเสีย แต่จะทรงถือว่าไม่มีโทษก็หามิได้" (อพยพ34:5-7)นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดว่าพระเจ้าทรงหยั่งรู้ถึงพระจริยวัตรของพระองค์ การมีพระจริยวัตรเช่นนี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าพระเจ้าทรงมีพระวรกายจริง จึงเป็นเรื่องไร้สาระที่จะชี้แจงว่าจิตวิญญาณจะมีลักษณะซึ่งสามารถพัฒนาได้ในมนุษย์เช่นเราพระเจ้าทรงเลือกพระนามเฉพาะ ที่พระองค์ต้องการให้คนของพระองค์รู้จักและจดจำ เป็นพระนามที่เป็นบทสรุป และเป็นส่วนสำคัญในพระประสงค์ที่พระองค์ทรงมีกับมนุษย์ชนชาติอิสราเอลเป็นทาสในอียิปต์ และต้องการให้มีการย้ำเตือนถึงพระประสงค์ของพระเจ้า โมเสสได้รับการบอกกล่าวให้ออกพระนามของพระเจ้าแก่ชนชาติอิสราเอล เพื่อกระตุ้นเตือนให้พวกเขาอพยพออกจากอียิปต์ และเริ่มการเดินทางไปยังดินแดนแห่งความหวัง (cp. 1 โครินธ์10:1) เราเองก็เช่นกันจำเป็นต้องเข้าใจหลักพื้นฐานเกี่ยวกับพระนามของพระเจ้า ก่อนจะรับบัพติศมา และเริ่มการเดินทางสู่อาณาจักรของพระเจ้าพระเจ้าทรงบอกกับชนชาติอิสราเอลว่าพระนามของพระองค์คือ ยาห์เวห์ (YAHWEH) แปลว่า "เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น" หรือถ้าให้ถูกต้องยิ่งขึ้นต้องแปลว่า "เราจะเป็นผู้ซึ่งเราจะเป็น" (อพยพ3:13-15) พระนามนี้ได้รับการขยายความเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า: "พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสอีกว่า เจ้าจงกล่าวแก่ประชากรอิสราเอลว่าดังนี้ พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน คือพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ ... นี่แหละเป็นนามของเราตลอดไปเป็นนิตย์ นี่แหละเป็นอนุสรณ์ของเราตลอดทุกชั่วชาติพันธ์" (อพยพ3:15)ดังนั้นพระนามเต็มของพระเจ้าก็คือ "พระเจ้า"พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมส่วนใหญ่เขียนเป็นภาษาฮิบรู การแปลเป็นภาษาอังกฤษทำให้รายละเอียดต่างๆตกหล่นไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องแปลคำว่า "พระเจ้า" ในภาษาฮิบรู คำว่า "พระเจ้า" ในภาษาฮิบรูที่ใช้กันทั่วไปคำหนึ่งคือคำว่า "อีโลฮิม" (Elohim) หมายความว่าผู้มีอำนาจ พระนามที่พระเจ้าต้องการให้เราจดจำจึงเป็นอนุสรณ์ของพระองค์ยาห์เวห์ เอโลฮิม (YAHWEH ELOHIM)หมายความว่าผู้ซึ่งสำแดงพระองค์ในกลุ่มของผู้ที่มีอำนาจทั้งหลายเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงต้องการสำแดงลักษณะและตัวตนที่แท้จริงของพระองค์ต่อคนกลุ่มใหญ่ การเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าช่วยให้เราพัฒนาลักษณะของพระองค์ในตัวเราได้ ถือเป็นการสำแดงพระองค์กับผู้ที่มีศรัทธาแรงกล้า แต่พระนามของพระเจ้าคือคำพยากรณ์ในอนาคต เมื่อโลกนี้เต็มไปด้วยคนที่มีลักษณะและสภาพเหมือนพระองค์ (cp. 2 เปโตร1:4) ถ้าเราปรารถนาจะมีส่วนร่วมในพระนามของพระเจ้า และเป็นเหมือนพระเจ้าคือเป็นอมตะ เพื่อมีชีวิตอันบริบูณณ์ด้วยธรรมเป็นนิรันดร์ เราจะต้องมีส่วนร่วมในพระนามของพระเจ้า ซึ่งจะทำได้ก็ด้วยการรับบัพติศมาในนามแห่งพระองค์ คือพระยาห์เวห์ เอโลฮิม (มัทธิว28:19) ซึ่งจะทำให้เรากลายเป็นผู้สืบทอด ("เมล็ดพันธุ์") ของอับราฮัม (กาลาเทีย3:27-29) ซึ่งได้รับคำสัญญาให้สืบมรดกนิรันดร์บนโลก (ปฐมกาล17:8; โรม4:13) - กลุ่มของ "ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์" ("เอโลฮิม") ซึ่งเป็นกลุ่มที่คำพยากรณ์เรื่องพระนามของพระเจ้าจะเกิดสัมฤทธิผล โดยจะอธิบายให้ละเอียดยิ่งขึ้นในบทที่ 3.41.4 ทูตสวรรค์สิ่งที่เราได้ศึกษาไปแล้วในบทนี้คือการพิจารณาเรื่องทูตสวรรค์:- ดำรงอยู่ในสภาพร่างกายของมนุษย์- ชูพระนามของพระเจ้า- เป็นช่องทางให้พระวิญญาณของพระเจ้าได้กระทำตามพระประสงค์- สอดคล้องกับพระจริยาวัตรและพระประสงค์ของพระเจ้า- และเป็นการสำแดงองค์ของพระเจ้าเราได้กล่าวไปแล้วในบทที่ 1.3 ว่าคำว่า 'พระเจ้า' ที่ใช้ในภาษาฮิบรูทั่วไปคือ 'เอโลฮิม' หมายถึง 'ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์' ซึ่งชูพระนามของพระเจ้า โดยเราอาจเรียก 'ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์' เหล่านี้ว่า 'พระเจ้า' เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงอย่างใกล้ชิดกับพระเจ้า บรรดาสรรพสิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือทูตสวรรค์บันทึกการสร้างโลกในหนังสือปฐมกาล 1 บอกให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงตรัสถึงบัญญัติบางข้อเกี่ยวกับการสร้าง "ก็เป็นดังนั้น" ทูตสวรรค์คือผู้กระทำตามพระบัญญัติ:"ทูตสวรรค์ ท่านผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผู้กระทำตามพระวจนะของพระองค์ และฟังเสียงพระวจนะของพระองค์" (สดุดี103:20)จึงพอสรุปได้ว่าเมื่อเราอ่านเรื่อง 'พระเจ้า' ทรงสร้างโลกนั้น งานนี้แท้จริงทูตสวรรค์เป็นผู้ทำ ในหนังสือโยบ 38:4-7 ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้เช่นกัน ตรงนี้จึงนับเป็นช่วงเวลาดีที่จะสรุปเหตุการณ์ต่างๆในการสร้างโลกตามที่บันทึกไว้ในพระธรรมเรื่องปฐมกาล 1:วันที่ 1 "พระเจ้าตรัสว่า จงเกิดความสว่าง ความสว่างก๋เกิดขึ้น" (v.3)วันที่ 2 "พระเจ้าตรัสว่า จงมีภาคพื้น (ท้องฟ้า ผืนกว้าง) ในระหว่างน้ำ แยกน้ำ (บนภาคพื้น) ออกจากน้ำ (เหนือภาคพื้น) กัน ... ก็เป็นดังนั้น" (v.6,7)วันที่ 3 "พระเจ้าตรัสว่า น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่แห่งเดียวกัน (ทำให้เกิดเป็นทะเลและมหาสมุทร) ... ที่แห้งจงปรากฏขึ้น ก็เป็นดังนั้น" (v.9)วันที่ 4 "พระเจ้าตรัสว่า จงมีดวงสว่างบนฟ้า ก็เป็นดังนั้น" (v.14,15)วันที่ 5 "พระเจ้าตรัสว่า นำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และนกจงบินไปมา ... และพระเจ้าทรงสร้างสัตว์ที่มีชีวิตนานาชนิด" (v.20,21) - "ก็เป็นดังนั้น"วันที่ 6 "พระเจ้าตรัสว่า แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิต ... สัตว์ใช้งาน และสัตว์เลื้อยคลาน ... และก็เป็นดังนั้น" (v.24)มนุษย์ถูกสร้างขึ้นในวันที่หกเช่นเดียวกัน "พระเจ้าตรัสว่า ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา" (ปฐมกาล1:26) เราได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทกลอนนี้ไว้แล้วในบทเรียนที่ 1.2 ตอนนี้เราเพียงต้องการลันทึกไว้ว่า "พระเจ้า" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงพระเจ้าที่มีตัวตนจริง ข้อความที่กล่าวว่า "ให้เราสร้างมนุษย์" แสดงให้เห็นว่า 'พระเจ้า' กำลังพูดถึงคนมากกว่า 1 คน คำในภาษาฮิบรูที่แปลว่า 'พระเจ้า' ตรงนี้คือคำว่า 'เอโลฮิม (Elohim)' หมายถึง 'ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์' ซึ่งหมายถึงทูตสวรรค์นั่นเอง การที่ที่ทูตสวรรค์ได้สร้างเราขึ้นมาโดยให้มีรูปลักษณ์เหมือนตนเองนั้นหมายความว่าทูตสวรรค์เหล่านั้นจะต้องมีรูปกายเหมือนกับเรา ทูตสวรรค์จึงมีร่างที่มีตัวตนและจับต้องได้จริง ซึ่งเป็นภาพเดียวกับพระเจ้าคำว่า 'ภาพ' ในความหมายนี้หมายถึงมีโครงสร้างพื้นฐานทางสรีระเหมือนกัน ในพระคัมภีร์มี 'ภาพ' อยู่ 2 ภาพ ในความหมายนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดภาพทั้งสองขึ้นพร้อมกันภาพของพระเจ้า ('ภาพอันศักดิ์สิทธิ์')ไม่บาป (สมบูรณ์แบบ) (โรม9:14; 6:23 cp. สดุดี90:2; มัทธิว5:48; ยากอบ1:13)ไม่ตาย คือมีชีวิตนิรันดร์ (1 ทิโมธี6:16)เต็มไปด้วยอำนาจและพลัง (อิสยาห์40:28)นี่คือภาพของพระเจ้าและทูตสวรรค์ ซึ่งได้มอบให้พระเยซู หลังจากฟื้นคืนพระชนม์ (กจ.13:34; วิวรณ์1:18; ฮิบรู1:3) เป็นภาพที่เราได้รับสัญญาไว้ (ลูกา20:35,36; 2 เปโตร1:4; อิสยาห์40:28 cp.v 31)ภาพของมนุษย์ (Human nature)ล่อให้ทำบาป (ยากอบ1:13-15) โดยจิตที่คิดชั่วร้าย (เยเรมีย์17:9; มะระโก7:21-23)ถูกกำหนดให้ตาย คือไม่มีชีวิตนิรัดร์ (โรม5:12,17; 1 โครินธ์15:22)มีแรงจำกัด ทั้งทางสรีระ (อิสยาห์40:30) และทางจิตใจ (เยเรมีย์10:23)นี่คือภาพที่มนุษย์ทุกคนมีไม่ว่าจะดีหรือเลว จุดสิ้นสุดของภาพนั้นก็คือความตาย (โรม6:23) เป็นภาพที่พระเยซูมีขณะทรงใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ (ฮิบรู2:14-18; โรม8:3; ยอห์น2:25; มะระโก10:18)โชคไม่ดีที่คำว่า 'ภาพ' ในภาษาอังกฤษมีความหมายค่อนข้างกว้าง เราใช้คำนี้ในประโยคว่า 'จอห์นมีภาพลักษณ์ของความใจดี - เขาไม่มีภาพของความหยาบคาย แต่ฉันคิดว่าเขาค่อนข้างภูมิใจในรถยนต์ของเขา ซึ่งมีลักษณะเหมือนมนุษย์' นี่ไม่ใช่ความหมายของคำว่า 'ภาพ' ที่เราใช้ในบทเรียนรูปลักษณ์ของทูตสวรรค์ทูตสวรรค์มีฉายาเหมือนพระเจ้า จึงไม่มีบาป และไม่มีวันตาย โดยเห็นว่าบาปคือสิ่งที่นำไปสู่ความตาย (โรม6:23) ทูตสวรรค์จะต้องมีรูปร่างสรีระ ด้วยเหตุนี้เองเมื่อทูตสวรรค์ปรากฏกายบนโลก จึงมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์:- ทูตสวรรค์มาหาอับราฮัมเพื่อกล่าวพระวจนะของพระเจ้าให้เขาฟัง ทูตสวรรค์ถูกบรรยายไว้ว่าเป็น "ชายสามคน" ซึ่งอับราฮัมปฏิบัติด้วยเหมือนเป็นมนุษย์ เนื่องจากนั่นคือรูปกายภายนอกของทูตสวรรค์ "ข้าจะเอาน้ำมานิดหน่อยให้ท่านล้างเท้า และพักใต้ต้นไม้" (ปฐก.18:4)- ทูตสวรรค์สองคนเดินทางไปหาโลทที่เมืองโสโดม ซึ่งก็ได้รับการรับรองในฐานะมนุษย์จากโลทและคนในเมืองโสโดมเท่านั้น "ฝ่ายทูตสวรรค์สององค์นั้นมาถึงเมืองโสโดม" โดยโลทเชิญทั้งสองมามาค้างด้วย แต่ชายชาวเมืองโสโดมพากันมาที่เรือน ร้องขู่โลทว่า "ชายที่เข้ามาหาเจ้าคืนนี้อยู่ที่ไหน?" โลทอ้อนวอนว่า "ชายเหล่านี้ไม่ได้ทำอะไร" บันทึกนี้ยังเรียกทูตสวรรค์ว่า "ชาย" "ชายทั้งสอง (ทูตสวรรค์) ยื่นมือออกไป" และช่วยเหลือโลท "และชายทั้งสองจึงพูดกับโลท ... พระเจ้าทรงใช้เรามาทำลาย" เมืองโสโดม (ปฐมกาล19:1,5,8, 10,12, 13)- พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์เหล่านี้ ยืนยันว่าทูตสวรรค์อยู่ในร่างของชาย: "อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้า เพราะบางคน (เช่น อับราฮัมและโลท) ก็ได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว" (ฮิบรู13:2)- ยาโคบปล้ำอยู่กับชายแปลกหน้าตลอดคืน (ปฐมกาล32:24) ซึ่งภายหลังเราจึงรู้ว่าเป็นทูตสวรรค์ (โฮเชยา12:4)- ชายสองคนในชุดขาวอยู่ในที่ที่พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ (ลูกา24:4) และการเสด็จสู่สวรรค์ (กิจการอัครทูต1:10) ของพระเยซู เห็นได้ชัดว่าชายเหล่านี้คือทูตสวรรค์- จงพิจารณานัยของข้อความที่ว่า "มาตราวัดของมนุษย์ ซึ่งเหมือนกันกับของทูตสวรรค์" (วิวรณ์21:17)ทูตสวรรค์ไม่ทำผิดบาปทูตสวรรค์มีฉายาเหมือนพระเจ้า จึงไม่ตาย โดยเห็นว่าบาปคือสิ่งที่นำไปสู่ความตาย ทูตสวรรค์จึงไม่ทำผิดบาป คำในภาษากรีกและฮิบรูที่แปลว่า 'ทูตสวรรค์' มีความหมายว่า 'ผู้นำสาร' ทูตสวรรค์คือผู้นำสารหรือผู้รับใช้ของพระเจ้า และเชื่อฟังพระองค์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดว่าทูตสวรรค์มีบาป ดังนั้นคำว่า 'aggelos' ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า 'ทูตสวรรค์' ยังมีความหมายว่า 'ผู้นำสาร' ได้อีกด้วยเมื่อพูดถึงมนุษย์ เช่น ยอห์น (มัทธิว11:10) และผู้นำสาร (ลูกา7:24); ผู้นำสารของพระเยซู (ลูกา9:52) และชายผู้สอดแนมดู Jericho (ยากอบ2:25) จึงเป็นไปได้ทีเดียวที่ 'ทูตสวรรค์' ในความหมายว่าเป็นผู้นำสารที่เป็นมนุษย์สามารถทำบาปได้ข้อความต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าทูตสวรรค์ทั้งหมด (ไม่ใช่เฉพาะบางคนเท่านั้น) โดยปกติแล้วจะเชื่อฟังพระเจ้า และไม่มีบาป:"พระเจ้าทรงสถาปนาบัลลังก์ของพระองค์ไว้ในฟ้าสวรรค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ครองทุกสิ่งอยู่ (จะไม่มีการก่อกบฎต่อพระเจ้าในสวรรค์) ข้าแต่ท่านทั้งหลาย ผู้เป็นทูตสวรรค์ของพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า ท่านผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผู้กระทำตามพระวจนะของของพระองค์ และฟังเสียงพระวจนะของพระองค์ พลโยธาทั้งสิ้นของพระองค์จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า คือบรรดาผู้รับใช้ที่กระทำตามพระทัยพระองค์" (สดุดี103:19-21)"ทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระองค์จงสรรเสริญพระองค์ ... พลโยธาของพระองค์ (สดุดี148:2)"ทูตสวรรค์ทั้งปวง ... เป็นแต่เพียงวิญญาณผู้ปรนนิบัติ ที่พระองค์ทรงส่งไปช่วยเหลือบรรดาผู้ที่จะได้รับความรอดกระนั้นมิใช่หรือ?" (ฮิบรู1:13,14)การใช้คำว่า "ทั้งปวง" ซ้ำๆ แสดงให้เห็นว่าทูตสวรรค์ไม่ได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว สิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจกับภาพของทูตสวรรค์ก็คือรางวัลจากการมีศรัทธาคือการแบ่งปันภาพลักษณ์ "เขาเหล่านั้นที่สมควร ... ไม่มีการสมรสกัน ... เขาจะตายอีกไม่ได้ เพราะเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์" (ลูกา20:35,36) ประเด็นสำคัญที่ต้องจับให้ได้คือ ทูตสวรรค์ไม่มีวันตาย: "ความตาย ... ไม่สามารถทำอะไรทูตสวรรค์ได้" (ฮีบรู 2:16 Diaglott margin) ถ้าทูตสวรรค์ทำบาปได้ พวกที่สมควรได้รับรางวัลเมื่อพระเยซูทรงกลับมาก็ยังทำบาปได้ และเมื่อเห็นว่าบาปเป็นสิ่งที่นำไปสู่ความตาย (โรม6:23) พวกนี้จึงไม่มีชีวิตนิรันดร์ ถ้าเราทำบาปได้ เราก็ตายได้ ดังนั้นการกล่าวว่าทูตสวรรค์ทำบาปได้จึงทำให้ชีวิตนิรันดร์ซึ่งพระเจ้าสัญญาว่าจะให้ไร้ความหมาย โดยมองว่ารางวัลที่เราจะได้รับคือการมีคุณสมบัติเหมือนทูตสวรรค์ การอ้างอิงถึง "ทูตสวรรค์" (ลูกา20:35,36) แสดงให้เห็นว่าไม่มีการแบ่งแยกทูตสวรรค์ออกเป็นฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว จะมีเพียงทูตสวรรค์เพียงประเภทเดียวเท่านั้นถ้าทูตสวรรค์ทำบาปได้ พระเจ้าก็ไร้ซึ่งอำนาจในการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตเรา และเรื่องทางโลกอย่างชอบธรรม โดยมองว่าพระเจ้าทรงสำแดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงงานผ่านทางทูตสวรรค์ (สดุดี103:19-21) ทูตสวรรค์คือ 'วิญญาณที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น' ในแง่ที่พระองค์ทรงทำทุกอย่างได้สำเร็จด้วยจิต/อำนาจ ผ่านทางทูตสวรรค์ (สดุดี 104:4) จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทูตสวรรค์จะไม่เชื่อฟังพระเจ้า ชาวคริสเตียนควรจะอธิฐานให้อาณาจักรของพระเจ้ามาปรากฏบนโลกทุกวัน ให้พระประสงค์ของพระองค์สัมฤทธิผลเช่นเดียวกับที่ทำสำเร็จในสวรรค์ (มัทธิว 6:10) ถ้าทูตสวรรค์ของพระเจ้าต้องต่อสู้กับทูตสวรรค์ฝ่ายเลวในสวรรค์ พระประสงค์ก็ยังคงไม่สัมฤทธิผลในสวรรค์ และจะเกิดสถานการณ์เช่นเดียวกันในอณาจักรหน้าของพระองค์ การใช้ชีวิตนิรันดร์ในโลกที่มีแต่การสู้รบระหว่างผู้มีบาปกับผู้เชื่อฟังเป็นอนาคตที่ไม่สร้างแรงจูงใจเลย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะพูดถึงแต่...?คริสตจักรหลายแห่งคิดว่าทูตสวรรค์ทำบาปได้ และทูตสวรรค์นั้นยังต้องอยู่รับผิดชอบต่อบาปและปัญหาที่เกิดขึ้นบนโลก เราจะพูดถึงแนวคิดที่ผิดหลักนี้อย่างละเอียดในบทเรียนที่ 6 ส่วนตอนนี้เราจะเน้นประเด็นดังต่อไปนี้:-- เป็นไปได้ที่อาจจะมีการสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาก่อนเรา เช่นที่บันทึกไว้ในหนังสือปฐมกาล 1 และเป็นไปได้ที่ปัจจุบันทูตสวรรค์จะตระหนักถึง "ความดีและความชั่ว" (ปฐก. 3:5) ผ่านประสบการณ์ที่ได้รับเช่นเดียวกับเราได้รับในชีวิต ทูตสวรรค์บางองค์ที่ได้ทำบาปสมัยนั้นไม่ได้รับการตัดสินลงโทษ แต่ทั้งหมดนี่คือการคาดเดา ซึ่งจิตมนุษย์โน้มนำให้เชื่ออยู่แล้ว พระคัมภีร์บอกให้เรารู้ว่าปัจจุบันเราต้องการรู้อะไร ซึ่งก็คือไม่มีทูตสวรรค์ที่ทำบาป ทูตสวรรค์ทุกอง๕เชื่อฟังคำของพระเจ้า- ไม่มีทูตสวรรค์ที่ทำบาปอยู่ในสวรรค์ โดยมองว่าพระเจ้ามี "พระเนตรบริสุทธิ์เกินกว่าจะทอดพระเนตรเห็นความชั่ว" (ฮาบากุก1:13) หนังสือสดุดี 5:4,5 อธิบายไว้ในลักษณะเดียวกันว่า "ความชั่วร้ายจะไม่อาศัยอยู่กับพระองค์ คนโอ้อวดจะไม่ยืนอยู่เฉพาะพระเนตรของพระองค์" ที่พระตำหนักในสวรรค์ของพระองค์ ดังนั้นการคิดว่ามีทูตสวรรค์ก่อกบฎต่อพระเจ้าในสวรรค์ดูจะขัดแย้งกับข้อความข้างต้น- คำว่า "ทูตสวรรค์" ที่แปลจากภาษากรีกมีความหมายว่า "ผู้นำสาร" และยังหมายถึงคนอีกด้วยดังที่กล่าวข้างต้น "ผู้นำสาร" ที่เป็นมนุษย์นี้จึงทำบาปได้- พวกป่าเถื่อนมักจะเชื่อว่ามีคนบาปชั่วช้าที่ถูกกล่าวโทษว่าเป็นชีวิตด้านลบ เช่นเดียวกับความคิดของคนนอกศาสนาเรื่องคริสมาส- มีข้อความในพระคัมภีร์เพียงไม่กี่ตอนที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจไขว้เขวว่า ยังมีทูตสวรรค์ที่มีบาปอยู่ ซึ่งจะเห็นได้จากหนังสือเรื่อง "ดั้นด้นหาซาตาน" ที่มีผู้พิมพ์จำหน่าย ข้อความเหล่านี้ไม่อาจปล่อยทิ้งไว้ให้ขัดแย้งกับความสมบูรณ์ของคำสอนในพระคัมภีร์ที่มีอยู่ได้บทเรียนที่ 1: คำถาม1. อะไรช่วยให้เราเกิดศรัทธาในพระเจ้าได้มากที่สุด?a) การไปโบสถ์b) การศึกษาพระคัมภีร์ด้วยการสวดอธิษฐานc) การพูดคุยกับพี่น้องชาวคริสเตียนd) การมองดูธรรมชาติ2. ข้อใดข้างล่างเป็นคำจำกัดความของคำว่าพระเจ้าที่ถูกต้อง?ก) เป็นเพียงความคิดในสมองเท่านั้นข) เป็นวิญญาณหนึ่งที่ล่องลอยอยู่ในอากาศค) ไม่มีพระเจ้าง) เป็นคนที่มีรูปลักษณ์ตนตนจริง3. พระเจ้าคือก) เอกภาพข) พระเจ้าสามองค์ค) พระเจ้าหลายๆองค์ที่รวมอยู่ในองค์เดียวกันง) ไม่มีทางบรรยายความได้4. พระนามของพระเจ้าที่ว่า 'ยาห์เวห์ เอโลฮิม (Yahweh Elohim)' หมายถึงอะไร?ก) พระเจ้าผู้ที่จะเป็นข) พรเจ้าผู้ที่จะสำแดงพระองค์ในกลุ่มผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ค) ผู้ยิ่งใหญ่ง) พลัง5. คำว่า 'ทูตสวรรค์' หมายถึงอะไร?ก) เหมือนมนุษย์ข) มีปีกค) ผู้นำสารง) ผู้ช่วย6. ทูตสวรรค์ทำบาปได้หรือไม่?ได้ไม่ได้
เขียนโดย king love human ที่ 10:03 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น

แผนการความรอดของพระเจ้า




kinglovehuman
แผนการความรอดของพระเจ้า1 ยอห์น 5:11-12 และพยานหลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตนิรันดร์ให้เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิตพระวจนะคำตอนนี้บอกว่า พระเจ้าทรงประทานชีวิตนิรันดร์แก่เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ คือ พระเยซูคริสต์ ความหมายคือ หนทางสู่ชีวิตนิรันดร์ ต้องมีพระบุตรอยู่ในชีิวิต คำถามก็คือ แล้วเราจะมีพระบุตรอยู่ใน ชีิวตได้อย่างไร?ปัญหาของมนุษย์ถูกแยกจากพระเจ้าอิสยาห์ 59:2 แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยก ระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลาย ได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยินโรม 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเราตามพระธรรมโรม 5:8 พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์ โดยการตายของพระบุตร แล้วเหตุใดพระบุตรต้องมา ตายเพื่อเราด้วย? เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป การ "ทำบาป" คือการพลาดเป้า ในพระคัมภีร์ กล่าวว่า "ทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริ (ความบริสุทธิ์) ของพระเจ้า" (โรม 3:23) ความหมายคือ ความบาป ของเราแยกเราออกจากพระเจ้า ผู้ทรงบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ (ชอบธรรมและยุติธรรม) พระองค์จึงจำต้องพิพากษาคนบาปฮาบากุก 1:13ก พระเนตรของพระองค์บริสุทธิ์ เกินที่จะทอดพระเนตรการชั่ว จะทรงมองดูการผิดก็ไม่ได้ ไฉนพระองค์ทอดพระเนตรคนทรยศ และทรงเงียบอยู่เมื่อคนอธรรมกลืน คนที่ชอบธรรมเกินกว่าตัวเขาเสียการงานอันไร้ประโยชน์ของเราในพระคัมภีร์สอนว่า ไม่ว่ามนุษย์จะทำความดีมากแค่ไหน มีความเพียรพยายาม มีศีลธรรมสูงส่ง หรือทำบุญสุนทาน มากมายให้กับพระเจ้า ก็ไม่อาจทำให้เข้าสู่สวรรค์ได้ ไม่ว่าคนดีมีศีลธรรม คนที่ศรัทธาในศาสนา คนชั่วร้าย คนไม่มี ศาสนา ล้วนแล้วแต่ลงเรือลำเดียวกัน คือเสื่อมไปจากความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เมือพิจารณาดูคนอธรรม คนมีศีลธรรม หรือคนศรัทธาในศาสนา ตามที่บ่งอยู่ในพระธรรมโรม 1:18-3:8 อ.เปาโลกล่าวว่าทั้งยิวและกรีกตกอยู่ภายใต้บาปทั้งสิ้น "ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย" (โรม 3:9-10) นอกจากนี้ในพระคัมภีร์ยังเพิ่มเติมอีกด้วยว่าเอเฟซัส 2:8-9 8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน ทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ 9 ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้ คนหนึ่งคนใดอวดได้ทิตัส 3:5-7 พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรง พระกรุณา ชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 6 พระองค์ นั้นได้ทรงประทานแก่เรา ทั้งหลายอย่างบริบูรณ์ โดยพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา 7 เพื่อเราจะ ได้เป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระคุณของพระองค์ และจะได้เป็นผู้ได้รับมรดกที่มุ่งหวังคือชีวิตนิรันดร์โรม 4:1-5 ถ้าเช่นนั้น เราจะว่าอะไรเรื่องอับราฮัม บรรพบุรุษของเราตามสายโลหิต 2 ถ้าอับราฮัม เป็นผู้ชอบธรรมโดยการประพฤติ ท่านก็มีทางที่จะอวดได้ แต่ในสายพระเนตรของพระเจ้าท่านไม่มีทาง อย่างนั้น 3 พระคัมภีร์ว่าอย่างไร ก็ว่า อับราฮัมเชื่อในพระเจ้าและเพราะความเชื่อนั้นเอง พระเจ้าทรงถือว่า ท่านเป็นคนชอบธรรม 4 ฝ่ายคนที่ ทำงาน ก็ไม่ถือว่าค่าจ้างที่ได้นั้นเป็นบำเหน็จ แต่ถือว่าเป็นค่าแรงของงาน ที่ได้ทำ 5 ส่วนคนที่มิได้อาศัยการประพฤติ แต่ได้เชื่อในพระองค์ผู้ทรงโปรดให้คนผิดเป็นคนชอบธรรมได้ เพราะความเชื่อของคนนั้น พระเจ้าทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมไม่ว่ามนุษย์จะพยายามทำดีมากเท่าใดก็ตาม ยังไม่ถึงมาตรฐานของพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ยุติธรรมอย่าง สมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้เอง พระธรรมฮาบากุก 1:13 บอกเราว่า พระเจ้าไม่สามารถมีสามัคคีธรรมกับผู้ไม่บริสุทธิ์สมบูรณ์ได้ การที่จะให้พระเจ้ายอมรับเรา เราต้องดีพร้อมเช่นเดียวกับพระองค์ ต่อเบื้องพระพักตร์ เราปิดบังสิ่งใดไม่ได้ อ่อนแอ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อยู่ในสภาพสิ้นหวัง คุณงามความดีที่ทำมา ไม่ว่ามากน้อยแค่ใหนก็ตาม ไม่สามารถทำให้เรา เข้าสู่สวรรค์ หรือมีชีวิตนิรันดร์ได้ แล้วเราจะมีทางออกใด?ทางออกของพระเจ้าพระเจ้าไม่เพียงแต่บริสุทธิ์สมบูรณ์เท่านั้น (เป็นพระลักษณะที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถเป็นได้ ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม) แต่พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยความรัก พระคุณและความเมตตา เป็นเพราะพระคุณความรักของพระองค์นี้เอง ที่ไม่ทรง ปล่อยให้เราจนตรอก สิ้นหวังโรม 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรานี่คือข่าวประเสริฐของพระคัมภีร์ ข่าวเรื่องพระกิตติคุณ เป็นข่าวเรื่องพระเจ้าประทานพระบุตรของพระองค์ ลงมาบังเกิด เป็นมนุษย์ (มนุษย์ที่เป็นพระเจ้า) ดำเนินชีวิตบนโลกนี้อย่างปราศจากบาป สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปเรา พระองค์ถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย เป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า ทรงเป็นบุตรของพระเจ้าแท้ และทรงยอมสละ พระชนม์แทนเราโรม 1:4 แต่ฝ่ายพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์นั้นบ่งไว้ด้วยฤทธานุภาพ คือโดยการเป็นขึ้นมาจาก ความตายว่า เป็นพระบุตรของพระเจ้าโรม 4:25 คือพระเยซูผู้ทรงถูกอายัดไว้ให้ถึงสิ้นพระชนม์แล้ว เพราะการล่วงละเมิดของเรา และได้ทรง ฟื้นจากความตาย เพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม2 โครินธ์ 5:21 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเรา จะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์1 เปโตร 3:18 18 ด้วยว่าพระคริสต์ก็ได้สิ้นพระชนม์ ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะความผิดบาป คือพระองค์ ผู้ชอบธรรม เพื่อผู้ไม่ชอบธรรม เพื่อจะได้ทรงนำเราทั้งหลายไปถึงพระเจ้า ฝ่ายกายพระองค์จึงสิ้นพระชนม์ แต่ฝ่ายวิญญาณ ทรงคืนพระชนม์เราจะรับพระบุตรได้อย่างไร?เป็นเพราะสิ่งที่พระเยซูทำสำเร็จเพื่อเราบนไม้กางเขน ในพระคัมภีร์จึงกล่าวว่า "ผู้ใดมีพระบุตร ก็มีชีวิต" เราสามารถ รับพระบุตร คือพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดได้ โดยทางความเชื่อ วางใจในพระเยซู ว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วย และทรงสิ้นพระชนม์แทนความบาปของเรายอห์น 1:12 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทาน สิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า ยอห์น 3:16-18 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคน ที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ 17 เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อ พิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น 18 ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษา ลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้วางใจในพระนามพระบุตร องค์เดียวของพระเจ้าความหมายคือเราแต่ละคน ต้องเข้ามาหาพระเจ้าในทางเดียวกัน (1) ในฐานะคนบาปที่ยอมรับสภาพ (2) ตระหนักว่า ความดีที่เราเพียรทำ ไม่สามารถช่วยให้รอดได้ และ (3) วางใจในพระบุตรผู้เดียวเท่านั้น โดยความเชื่อ เพื่อความรอดถ้าคุณปรารถนาจะรับเอาพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต และวางใจในพระองค์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด คุณสามารถทำได้ โดยง่ายด้วยคำอธิษฐาน ยอมรับว่าคุณคือคนบาป รับการอภัยจากพระองค์ และเข้ามาวางใจให้พระองค์เป็นพระผู้ช่วย ให้รอดถ้าคุณได้วางใจในพระเยซูคริสต์แล้ว คุณต้องเรียนรู้จักชีวิตใหม่ และการดำเนินไปกับพระองค์ เราขอแนะนำให้คุณเริ่ม ด้วยบทเรียน "กขค-เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์" (ABCs for Christian Growth) บทเรียนนี้จะสอนคุณทีละก้าว ให้รู้จักความจริงในพระวจนะ และช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์
เขียนโดย king love human ที่ 9:38 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น

เว็ปhost




เว็ปhost
เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) คืออะไรเว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) คือ รูปแบบการให้บริการที่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการ สามารถนำเว็บเพจของตนเอง เพื่อออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งเว็บโฮสนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ?HSP' ย่อมาจาก Hosting Service Provider หรือผู้ให้บริการโฮสติ้ง เป็นธุรกิจที่นำเอาเทคโนโลยีที่จำเว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) คือ รูปแบบการให้บริการที่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการ สามารถนำเว็บเพจของตนเอง เพื่อออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งเว็บโฮสนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ? HSP ' ย่อมาจาก Hosting Service Provider หรือผู้ให้บริการโฮสติ้ง เป็นธุรกิจที่นำเอาเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับงานสร้างเว็บไซต์ มาให้บริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เว็บไซต์นั้นสามารถมองเห็นได้บนอินเตอร์เน็ตทุกเว็บไซต์ที่ออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตจะต้องได้รับการฝาก หรือเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์พิเศษ ที่เรียกว่า เว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์นี้จะทำหน้าที่เป็นตัวติดต่อกับทุกหนทุกแห่งตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เว็บไซต์ ของคุณสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลาในโลกที่มีการต่อเชื่อม อินเตอร์เน็ตง่ายๆ แค่พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของคุณ (Domain Name) ตัวอย่างเช่น http://www.yourcompany.com/ผู้ให้บริการจะทำการติดตั้งระบบทั้งหมดให้คุณ เมื่อมีบุคคลที่พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของคุณ (Web address) ชื่อนั้นจะถูกส่งตามเส้นทางจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปพบเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่คุณได้ฝากเว็บไซต์ไว้ (Host computer) ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีดังนั้นการออนไลน์เว็บไซต์ของคุณบนอินเตอร์เน็ต สิ่งแรกที่คุณจำเป็นจะต้องมีคือ เว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอย่างไรก็ตามการติดตั้งระบบเว็บเซิร์ฟเวอร์เป็นของตนเองสามารถทำได้ แต่มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมากและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคดูแล ดังนั้น บริษัทส่วนใหญ่จะไม่ดำเนินการลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของเอง และนี่คือที่มาของบริการเว็บโฮสติ้ง เว็บโฮสติ้งที่ดีจะต้องให้บริการทั้งเครื่องมืออำนวยความสะดวกและคำแนะนำแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อให้สามารถดูแลและแก้ไขเว็บไซต์ของตนเองได้ ผุ้ให้บริการโฮสติ้งจะคิดค่าบริการจากการเช่า พื้นที่ในการให้บริการซึ่ง พื้นที่ดังกล่าวใช้สำหรับเก็บข้อมูลเว็บไซต์ที่ต้องการนำเสนอ รวมทั้งอีเมล์ ระบบฐานข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับสถิติผู้เข้าชม ฯลฯบริการเว็บโฮสติ้งส่วนใหญ่มีข้อดีอันหนึ่งที่จัดได้ว่า เป็นการให้บริการจะดำเนินการแบบเบ็ดเสร็จ (Outsourced service) ซึ่งผู้ใช้บริการไม่ต้องยุ่งยากกับระบบเว็บเซิร์ฟเวอร์แต่อย่างใด ผู้ให้ บริการจะดำเนินการและรับผิดชอบทั้งหมด ตั้งแต่การเริ่มติดตั้ง จนกระทั่งการดูแลรักษาระบบให้คุณบริการเว็บโฮสติ้งที่ดีที่สุด จะต้องมีระบบที่ใช้งานง่าย และให้ผู้ใช้งานไม่ต้องรู้สึกวุ่นวายเกี่ยวกับ ฟังค์ชั่นที่ซับช้อนของระบบ เพื่อให้คุณสามารถเผยแพร่และนำเสนอผลงานได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว ที่สำคัญยังต้องคงไว้ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม

รายได้หลายชั้นของmlm

รายได้หลายชั้นของmlm
ระบบการตลาดหลายชั้น เป็นระบบการขายปลีกที่ได้รับ ความนิยมกันระบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการจำหน่ายสินค้าให้กับ ผู้บริโภคโดยผู้จำหน่ายอิสระผู้หญิงและชาย โดยปกติแล้วจะ จำหน่ายให้ลูกค้าถึงบ้าน มิใช่เป็นการจำหน่ายสินค้าภายใน ห้างร้านโดยพนักงานขายทั่วไป ในฐานะที่เป็นผู้จำหน่าย ท่านมีโอกาสที่จะจัดเวลาทำงานของตนเอง และได้รับรายได้ จากการจำหน่ายสินค้าซึ่งผลิตขึ้นโดยบริษัทที่มีความมั่นคงในโครงสร้างของระบบการตลาดหลายชั้น ท่านยังจะมีโอกาส ในการสร้างและบริหารทีมการขายของท่านเองด้วยการรับ สมาชิกเพิ่มเติม การสร้างแรงบันดาลใจ การสร้างเสริมและ ฝึกอบรมสมาชิกเหล่านั้นในการจำหน่ายสินค้า ดังนั้น ค่าตอบแทนของท่านจะรวมถึงเปอร์เซนต์ของยอดขายรวมทั้ง กลุ่มของท่านและรายได้จากการขายปลีกของท่านเอง วิธี การเช่นนี้ทำให้ระบบการตลาดหลายชั้นเป็นที่น่าสนใจสำ- หรับ การเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินเพียงจำนวนเล็กน้อยความแตกต่างระหว่างระบบธุรกิจที่ถูกต้องตาม กฎหมายและระบบพีระมิดจอมปลอมระบบพีระมิด เป็นการแสวงหารายได้จากท่าน (อย่างรวดเร็ว) แต่สำหรับระบบการตลาดหลายชั้นนั้น บริษัทจะมีรายได้ พร้อมกับท่านโดยท่านสร้างธุรกิจของท่าน (และของบริษัท) ด้วยการจำหน่ายสินค้า ก่อนที่ท่าจะตกลงใจลงชื่อสมัครกับ บริษัทใด ขอให้ท่านตรวจสอบพิจารณาอย่างรอบคอบ วิธีที่ ดีอย่างหนึ่งก็คือ ท่านควรจะตั้งคำถามกับตนเอง 3 ข้อ ดังต่อไปนี้ 1. ท่านจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนเท่าใดในการสมัครเป็นผู้จัดหน่าย 2. บริษัทจะรับซื้อสินค้าที่ท่านยังไม่ได้จำหน่ายกลับคืนหรือไม่ 3. สินค้าของบริษัทนั้นขายให้กับลูกค้าผู้บริโภคหรือไม่ต้นทุนในการเริ่มต้นธุรกิจเป็นอย่างไร – ท่านพึง ระมัดระวังให้ดีหากต้องใช้เงินลงทุนสูง โดยทั่วไปแล้ว ค่าธรรมเนียมในการเริ่มต้นธุรกิจของ ระบบการตลาดหลายชั้นจะใช้เงินลงทุนต่ำ (โดยปกติจะ เป็นชุดคู่มือการขายซึ่งจำหน่ายในราคาทุนหรือต่ำกว่า) หน้า 4/4 ทั้งนี้เพราะบริษัทต้องการให้ท่านเริ่มต้นธุรกิจได้โดยง่าย และด้วยการลงทุนต่ำ ในทางตรงกันข้าม ระบบพีระมิด จะสร้างผลกำไรทั้งหมดจากการรับสมัครสมาชิกใหม่ ดังนั้น ต้นทุนในการสมัครเป็นผู้จัดจำหน่ายจึงสูง ข้อควรระวัง : ระบบพีระมิดมักจะเก็บค่าฝึกอบรมการ ขายหรือค่าบริการและเงินทุนในการสั่งซื้อสินค้ารวมไป กับค่าธรรมเนียมในการสมัครซึ่งการจ่ายเงินซื้อ ค่าบริการเหล่านี้ไม่น่าจะสูงหรือไม่ควรจะมีด้วยซ้ำ แต่ เนื่องจากแรงกดดันบังคับให้ผู้สมัครต้องจ่ายเงินซื้อ โดย อ้างให้ผู้สมัครรีบฉกฉวยโอกาสและผลประโยชน์อย่าง เต็มมีการรับซื้อสินค้ากลับคืนหรือไม่ – พึงระมัดระวังให้ ดี หากท่านต้องเผชิญกับสต็อคสินค้าซึ่งท่านยังไม่ได้ จำหน่ายและจำหน่ายไม่ออก โดยทั่วไป บริษัที่ประกอบธุรกิจโดยระบบการตลาด หลายชั้นที่ถูกต้องตามกฎหมายจะรับซื้อสินค้าที่ท่านยัง ไม่ได้จำหน่ายกลับคืน เมื่อท่านต้องการจะเลิกทำธุรกิจ กฎหมายในบางประเทศจะมีการกำหนดไว้ว่าบริษัท จะต้องรับซื้อสินค้ากลับคืนในราคาอย่างน้อยที่สุด ร้อย ละ 90 ของต้นทุนของท่านมีการจำหน่ายให้ถึงมือผู้บริโภคหรือไม่ - ถ้าไม่มี (หรือมีไม่มากนัก ควรหลีกหนีทันที) ข้อนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการประกอบธุรกิจเลย ทีเดียว ระบบการตลาดหลายชั้น (เช่นเดียวกับระบบการ ขายปลีกวิธีอื่น ๆ) จะขึ้นอยู่กับการจำหน่ายสินค้าให้กับ ผู้บริโภคและการสร้างตลาดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยมี คุณภาพของสินค้าและการแข่งขันในด้านราคาของ สินค้าเป็นองค์ประกอบ แต่ในระบบพีระมิดนั้นจะเป็นในทางตรงกันข้ามเพราะ จะไม่มุ่งจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้า ผลกำไรที่ไดรับนั้น จะได้มาจากปริมาณการขายสินค้าให้แก่สมาชิกใหม่ซึ่ง จะต้องซื้อสินค้านั้นเพื่อให้ตนได้เข้าไปมีส่วนร่วมใน ระบบพีระมิดนี้ ไม่ใช่เพราะสินค้านั้นมีคุณประโยชน์หรือ มีราคาที่ดึงดูดใจวิธีป้องกันตนเองจากการลงทุนที่จอมปลอมใช้เวลาในการพิจารณาตัดสินใจ ระวังอย่าให้ใครมาเร่ง รัดท่าน เพราะโอกาสที่ดีในการดำเนินธุรกิจในระบบ การตลาดหลายชั้นย่อมจะไม่สูญสลายไปเพียงชั่วเวลา ข้ามคืนตั้งคำถามหลาย ๆ ข้อ เช่น• เกี่ยวกับบริษัทและเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงานในบริษัทนั้น • เกี่ยวกับสินค้า เช่น ต้นทุนของสินค้านั้น ราคาที่ เหมาะสมของสินค้านั้น แหล่งผลิตและตลาดของ สินค้าในเขตของท่าน • เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในการเริ่มต้นธุรกิจ (รวมทั้ง มูลค่าของสินค้าที่ต้องสั่งซื้อ) • เกี่ยวกับการรับประกันซื้อสินค้ากลับคืนของบริษัท • เกี่ยวกับรายได้เฉลี่ยของผู้จำหน่ายที่ทำงานอย่างมี ประสิทธิภาพขอเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทให้มากที่สุดเท่าที่จะ หาได้ขอคำแนะนำปรึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับ บริษัทและสินค้าของบริษัทพร้อมทั้งตรวจสอบด้วยว่า ได้มีการจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าผู้บริโภคจริง ๆพิสูจน์และตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาทุกชิ้น อย่าสันนิษ- ฐานว่าเอกสารข้อมูลที่ดูเป็นทางการของบริษัทนั้นจะมี ความถูกต้องและสมบูรณ์เสมอไป

การเลียกไส้เดือน


การเลียกไส้เดือน
การเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการค้าความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในการผลิตโปรตีนไส้เดือนดินสำหรับเลี้ยงสัตว์ในทางการค้าปัจจุบันในประเทศไทยมีการเลี้ยงไส้เดือนดินเพื่อผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินจำหน่ายทางการค้าหลายแห่งแต่ยังไม่เคยมีการผลิตโปรตีนจากไส้เดือนดิน ดังนั้นข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นเรื่องการผลิตโปรตีนไส้เดือนดินทางการค้าที่ได้จากต่างประเทศ สรุปได้คือ หารผลิตโปรตีนไส้เดือนดินในทางการค้า ผลผลิตที่ได้จะมีคุณภาพดีหากตัวไส้เดือนดินที่นำมาใช้ในการผลิตเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ ได้มาจากฟาร์มเลี้ยงไส้เดือนดินขนาดใหญ่ ที่ใช้มูลหรือของเสียจากสัตว์ปริมาณมากในการเลี้ยงไส้เดือนดิน เนื่องจากมูลสัตว์เหล่านั้น สามารถเพิ่มประชากรของไส้เดือนดินได้มากและเจริญเติบโตได้น้ำหนักดี ทำให้ได้ตัวไส้เดือนดินที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารโปรตีนมีปริมาณมากและมีคุณภาพ นอกจากนี้ หลักเกณฑ์การผลิตที่สำคัญในการนำไส้เดือนดินมาผลิตเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ทางการค้าจะต้องผลิตให้คุ้มค้าทางเศรษฐศาสตร์ด้วย ในสมัยก่อนการผลิตโปรตีนจากไส้เดือนดินจะต้องใช้แรงงานคนในการคัดเลือกไส้เดือนดินออกจากมูลไส้เดือนดินจำนวนมากทำให้สิ้นเปลืองแรงงานและต้นทุนในส่วนของค่าแรงมาก ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการผลิตโปรตีนไส้เดือนดินทางการค้าทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้แล้วโดยใช้เครื่องคัดแยกไส้เดือนดินที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า ทำให้สามารถทำการแยกไส้เดือนดินออกจากมูลไส้เดือนดินได้อย่างรวดเร็วและใช้แรงงานคนน้อยเครื่องแยกไส้เดือนดินออกจากมูลดินจากการวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารของโปรตีนที่ได้จากไส้เดือนดิน พบว่า คุณค่าทางอาหารที่ได้จากไส้เดือนดิน ประกอบด้วย กรดอะมิโน กรดไขมัน แร่ธาตุและวิตามิน ซึ่งพบว่ามีปริมาณมากและมีคุณค่าเหมาะแก่การใช้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ ปลา ปลาไหล ลูกไก่ สัตว์ปีกทุกชนิด และ หมู โดยใช้ทดแทนอาหารจากเนื้อ และ ปลาได้ดี สำหรับการพิจารณาการผลิตทางเศรษฐศาสตร์ ในแง่ราคาผลผลิตที่ได้ ต่อการนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์เพื่อการค้า ในเรื่องนี้ Sabine ได้คำนวณราคา เปรียบเทียบอาหารโปรตีนเลี้ยงสัตว์ที่ผลิตจากการใช้เนื้อสัตว์ในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่ประเทศออสเตรเลีย กับการใช้ไส้เดือนดินผลิตเป็นอาหารโปรตีนเลี้ยงสัตว์ จากการทดสอบคุณค่าทางอาหารในข้างต้น พบว่า การใช้เนื้อผลิตเป็นอาหารโปรตีนเลี้ยงสัตว์ปีกทางการค้า จะมีราคา 7,680 บาท/ตัน แต่ถ้าใช้ไส้เดือนดินในจำนวนที่เท่ากัน พบว่าราคาสูงถึง 9,440 บาท/ตัน และอาจสูงถึง 12,000 บาท/ตัน ซึ่งเป็นราคาต้นทุนที่สูงกว่าหลายเท่า อาจไม่คุ้มค่าในทางเศรษฐศาสตร์ ในการใช้โปรตีนการไส้เดือนดินในการเลี้ยงสัตว์เชิงการค้าดังนั้นการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการค้าต้นทุนอาจยังสูง แต่ปัจจุบัน การส่งออกไส้เดือนดินอบแห้งไปยังต่างประเทศยังทำเงินให้ได้พอสมควร
kinglovehuman
วันอาทิตย์, พฤษภาคม 17, 2009

Apocalypoto
The film begins with an epigraph from Will Durant: "A great civilization is not conquered from without until it has destroyed itself from within."While hunting tapir in the Mesoamerican jungle, Jaguar Paw (Rudy Youngblood), his father Flint Sky (Morris Birdyellowhead), and their fellow tribesmen encounter a procession of traumatized and fearful refugees. The procession's leader explains that their lands have been ravaged, and asks for Flint Sky's permission to pass through the jungle. When Jaguar Paw and his tribesmen return to their village, Flint Sky tells his son not to let the procession's state of fear seep into him. At night, the tribe's elder tells the village a fable of man forever unable to fill his want, despite having been given the capabilities of all of the animals. The villagers follow the story with music and dance, leaving Jaguar Paw to ponder.The next morning, Jaguar Paw wakes from a nightmare to see strangers enter the village and set the huts ablaze. The raiders, led by Zero Wolf (Raoul Trujillo), attack and subdue the villagers. Jaguar Paw slips out with his pregnant wife Seven (Dalia Hernández) and his little son Turtles Run, lowering them on a vine into a small cave (a chultun, shaped something like a well) to hide them. Jaguar Paw returns to the village to fight the raiders but is subdued with the rest of the tribe. A raider whom Jaguar Paw attacks and almost kills, the vicious Middle Eye (Gerardo Taracena), slits Flint Sky's throat while Jaguar Paw helplessly watches. His last words to him are to not be afraid. Before the raiders leave the village with their prisoners, one suspicious raider severs the vine leading into the ground cave, trapping Jaguar Paw's wife and son within.The raiders and their captives trek toward the Maya city, encountering razed forests, failed maize crops, slaves producing plaster, and the sick and dying. A small diseased girl prophesies that a man bringing the jaguar will bring the raiders to those who will scratch out the earth and end their world. In the city's outskirts, the female captives are sold as slaves and the males are escorted to the top of a step pyramid. The high priest sacrifices several captives by decapitating them after pulling out their beating hearts. When Jaguar Paw is about to be sacrificed, a solar eclipse (also prophesied by the girl) stays the priest's hand. He looks at the king, sitting nearby, and the two share a smile while the people below panic at the phenomenon. The priest declares the sun god Kukulkan is satisfied with the sacrifices. He asks Kukulkan to let light return to the world and the eclipse passes. The crowd cheers in amazement as the priest orders that the remaining captives be disposed of.Zero Wolf takes the villagers to an amphitheater. The captives are released in pairs and forced to run the length of the open space within the amphitheater to give Zero Wolf's men target practice, with a cynical promise of freedom should they reach the end of the field alive. However, Zero Wolf's son, Cut Rock, is sent to the end of the field to "dispose of" any survivors. The raiders target them with javelins, arrows, and slingstones as they run. Jaguar Paw is struck by an arrow through the abdomen but reaches the end of the field and breaks off the arrowhead. As Cut Rock, approaches to finish him off with an obsidian blade, Jaguar Paw shoves the broken arrow into Cut Rock's throat. As Cut Rock bleeds out with Zero Wolf easing him into the next life, Jaguar Paw escapes through a withered maize field and an open mass grave. The enraged Zero Wolf and his raiders pursue Jaguar Paw into the jungle and back toward Jaguar Paw's home. Along the way, one of the raiders is killed by a black jaguar that has been disturbed by Jaguar Paw. As he flees, Jaguar Paw jumps over a high waterfall and survives, declaring from the riverbank below that the raiders are now in his homelands.Zero Wolf's raiders jump the waterfall as well, then fall to both the forest's elements and Jaguar Paw's traps. A heavy rain sets in, which begins to flood the ground cave in which Jaguar Paw's wife and son are still trapped. Jaguar Paw bludgeons Middle Eye in hand-to-hand combat and kills Zero Wolf by leading him into a trap meant for hunting tapir. He is chased by two remaining raiders out to a beach where they encounter the fourth expedition of Christopher Columbus making their way ashore in boats. The amazement of the raiders allows Jaguar Paw to flee. He returns into the forest to pull his wife and son out of the flooded pit where they are hiding around the time when Seven gives birth to a child. He returns in time to save the family, and sees that his wife has given birth to a healthy second son. As the family walks near the coastline, Jaguar Paw's wife asks what the strange objects near the shore are. Jaguar Paw responds only that "they bring men." Jaguar Paw and his family go deeper into the forest, "to seek a new beginning," leaving the Spanish who are anchored in ships off the beach.[edit] Production[edit] ScreenplayScreenwriter and producer Farhad Safinia first met director Mel Gibson while working as an assistant during the post-production of The Passion of the Christ. Eventually, Gibson and Safinia found time to discuss "their mutual love of movies and what excites them about moviemaking".[1]We started to talk about what to do next, and we specifically spent a lot of time on the action-chase genre of filmmaking. Those conversations essentially grew into the skeleton of ('Apocalypto'). We wanted to update the chase genre by, in fact, not updating it with technology or machinery but stripping it down to its most intense form, which is a man running for his life, and at the same time getting back to something that matters to him—Farhad Safinia[1]Gibson said they wanted to "shake up the stale action-adventure genre", which he felt was dominated by CGI, stock stories and shallow characters and to create a footchase that would "feel like a car chase that just keeps turning the screws."[2]Gibson and Safinia were also interested in portraying and exploring an ancient culture as it existed before the arrival of the Europeans. Considering both the Aztecs and the Maya, they eventually chose the Maya for their high sophistication and their eventual decline.The Mayas were far more interesting to us. You can choose a civilization that is bloodthirsty, or you can show the Maya civilization that was so sophisticated with an immense knowledge of medicine, science, archaeology and engineering ... but also be able to illuminate the brutal undercurrent and ritual savagery that they practiced. It was a far more interesting world to explore why and what happened to them.—Farhad Safinia[1]The two researched ancient Maya history, reading both creation and destruction myths, including sacred texts such as the Popul Vuh.[3] In the audio commentary of the film's first DVD release, Safinia states that the old shaman's story (played by Espiridion Acosta Cache who is an actual modern day Maya storyteller[4]) was modified from an authentic Mesoamerican tale that was re-translated into the Yucatec Maya language by the young Maya professor Hilario Chi Canul who also acted as a dialogue coach during production. As they researched the script, Safinia and Gibson traveled to Guatemala, Costa Rica and the Yucatán peninsula to scout filming locations and visit Maya ruins.Striving for a degree of historical accuracy, the filmmakers employed a consultant, Richard D. Hansen, a specialist in the Maya, assistant professor of archaeology at Idaho State University, and director of the Mirador Basin Project, an effort to preserve a large swath of the Guatemalan rain forest and its Maya ruins. Gibson has said of Hansen's involvement: "Richard's enthusiasm for what he does is infectious. He was able to reassure us and make us feel secure that what we were writing had some authenticity as well as imagination."[3]Gibson is interested in using unfamiliar languages on film, having already used Aramaic, Latin and Hebrew in his religious blockbuster The Passion of the Christ. In Apocalypto, the dialogue is entirely in the Yucatec Maya language.[5] Gibson explains: "I think hearing a different language allows the audience to completely suspend their own reality and get drawn into the world of the film. And more importantly, this also puts the emphasis on the cinematic visuals, which are a kind of universal language of the heart."[3][edit] CastingMel Gibson chose a cast of actors who were from Mexico City, the Yucatán, or who were descendants of indigenous peoples of Canada and the United States. It was important for the director that "these characters have to be utterly believable as pre-Columbian Mesoamericans." Some of the youngest and oldest cast members were Maya who knew no language besides Maya and had never seen a tall building before.[6]Gibson explained that he wanted to cast unknown actors so that they could play certain mythic types without the audiences associating them with prior roles. "In terms of casting it, you always have many choices. You can go against type, or with type. On this one I have purposely chosen an archetypal selection, casting it right with type, because of the obscure dialect and the unfamiliar period in which the story is set."[7] In addition to the lead actors, some scenes required as many as 700 extras.[edit] Costumes and MakeupSee also: Maya textilesThe production team consisted of a large group of make-up artists and costume designers who worked to recreate the Maya look for the large cast. Led by Aldo Signoretti, the make-up artists daily applied the required tattoos, scarification, and earlobe extension to all of the onscreen actors. According to advisor Richard D. Hansen, the choices in body make-up were based on both artistic license and fact: "I spent hours and hours going through the pottery and the images looking for tattoos. The scarification and tattooing was all researched, the inlaid jade teeth are in there, the ear spools are in there. There is a little doohickey that comes down from the ear through the nose into the septum – that was entirely their artistic innovation."[8] An example of attention to detail is the left arm tattoo of Seven, Jaguar Paw's wife, which is a horizontal band with two dots above – the Mayan symbol for the number seven.Simon Atherton, an English armorer and weapon-maker who worked with Gibson on Braveheart, was hired this time to research and provide the Maya weapons. Gibson let Atherton play the cross-bearing Franciscan friar who appears on a boat at the end of the film.[edit] Set DesignSee also: Maya architectureDirector Mel Gibson wanted Apocalypto to feature sets with actual buildings rather than relying on computer-generated images. Most of the step pyramids seen at the Maya city were models designed by Thomas E. Sanders (Braveheart, Saving Private Ryan)[1]. Sanders explained his approach, "We wanted to set up the Mayan world, but we were not trying to do a documentary. Visually, we wanted to go for what would have the most impact. Just as on Braveheart, you are treading the line of history and cinematography. Our job is to do a beautiful movie."[9]While many of the architectural details of Maya cities are correct,[10] they are blended from different locations and eras,[10] a decision Farhad Safinia said was made for aesthetic reasons.[11] While Apocalypto is set during the post-classic period of Maya civilization, the central pyramid of the film comes from the classic period, which ended in A.D. 900. [11] Furthermore, the temples are in the shape of those of Tikal in the central lowlands classic style but decorated with the Puuc style elements of the north west Yucatan centuries later.[citation needed] Richard D. Hansen comments, "There was nothing in the post-classic period that would match the size and majesty of that pyramid in the film. But Gibson … was trying to depict opulence, wealth, consumption of resources."[11]The set design of Apocalypto also blended elements of Maya art from different eras and locations. The mural in the arched walkway combined elements from the Maya codices, the Bonampak murals (over 700 years earlier than the film's setting), and the San Bartolo murals (some 1500 years earlier than the film's setting).[citation needed][edit] FilmingGibson filmed Apocalypto mainly in Catemaco, San Andrés Tuxtla, and Paso de Ovejas in the Mexican state of Veracruz. The waterfall scene was filmed on a real waterfall called Salto de Eyipantla, located in San Andrés Tuxtla. Other filming by second-unit crews took place in El Petén, Guatemala, and in Great Britain. The film was originally slated for an August 4, 2006, release, but Touchstone Pictures delayed the release date to December 8, 2006, due to heavy rains and two hurricanes interfering with filming in Mexico. Principal photography ended in July 2006.Apocalypto was shot on high-definition digital video, using the Panavision Genesis camera.[12] During filming, Gibson and cinematographer Dean Semler employed the use of Spydercam[13], a suspended camera system allowing shooting from atop. This equipment was used in a scene in which Jaguar Paw leaps off a waterfall.We had a Spydercam shot from the top of [the] 150-foot (46 m) waterfall, looking over an actor's shoulder and then plunging over the edge –- literally in the waterfall. I thought we'd be doing it on film, but we put the Genesis [camera] up there in a light-weight water housing. The temperatures were beyond 100 degrees at [the] top, and about 60 degrees at the bottom, with the water and the mist. We shot two fifty-minute tapes without any problems – though we [did get] water in there once and fogged up.[12]A number of animals are featured in Apocalypto, including a Baird's tapir and a black jaguar. Animatronics or puppets were employed for the scenes injurious to animals.[14][edit] Distribution and marketingWhile Mel Gibson financed the film through his Icon Productions, Disney signed on to distribute Apocalypto for a fee in certain markets. The publicity for the film started with a December 2005 teaser trailer that was filmed before the start of principal photography and before Rudy Youngblood was cast as Jaguar Paw. As a joke, Gibson inserted a subliminal cameo of the bearded director in a plaid shirt with a cigarette hanging from his mouth posing next to a group of dust-covered Maya.[15] A clean-shaven Gibson also filmed a Mayan-language segment for the introduction of the 2006 Academy Awards in which he declined to host the ceremony. On September 23, 2006, Gibson pre-screened the unfinished film to two predominantly Native American audiences in the US state of Oklahoma, at the Riverwind Casino in Goldsby, owned by the Chickasaw Nation, and at Cameron University in Lawton.[16] He also did a pre-screening in Austin, Texas, on September 24 in conjunction with one of the movie's stars, Rudy Youngblood.[17] In Los Angeles, Gibson screened Apocalypto and participated in a Q&A session for Latin Business Association[18] and for members of the Maya community.[19] Due to an enthusiastic response from exhibitors, Disney opened the film on more than 2,500 screens in the United States

Terminator Salvation 2009



kinglovehuman
วันอาทิตย์, พฤษภาคม 17, 2009

Terminator Salvation 2009
This article is about the film. For the video game based on the film, see Terminator Salvation (video game).Terminator SalvationTheatrical posterDirected byMcGProduced byDerek AndersonVictor KubicekJeffrey SilverMoritz BormanWritten byScreenplay:John D. BrancatoMichael FerrisUncredited:Jonathan NolanAnthony E. ZuikerShawn RyanPaul HaggisDavid C. WilsonCharacters:James CameronGale Anne HurdNarrated byLinda HamiltonStarringChristian BaleSam WorthingtonAnton YelchinMoon BloodgoodBryce Dallas HowardCommonJane AlexanderHelena Bonham CarterMusic byDanny ElfmanThemes:Brad FiedelCinematographyShane HurlbutEditing byConrad BuffStudioThe Halcyon CompanyDistributed byU.S. and Canada:Warner Bros.International:Columbia PicturesSony Pictures EntertainmentRelease date(s)U.S. and Canada:May 21, 2009United Kingdom:June 3, 2009Australia:June 4, 2009Mexico:July 31, 2009Running time115 min.[1]CountryUnited StatesLanguageEnglishBudgetUS$200 millionPreceded byTerminator 3: Rise of the MachinesFollowed byTerminator Salvation SequelTerminator Salvation is a 2009 American science fiction post-apocalyptic war film set for release on June 4, 2009 in Australia, June 3, 2009 in the UK and May 21, 2009 in the United States. Directed by McG, it is the fourth film in the Terminator series and stars Christian Bale as John Connor and Sam Worthington as Marcus Wright, a cyborg who believes he is human. It also introduces a young version of the first film's hero, Kyle Reese, played by Anton Yelchin, and depicts the origins of the T-800 Model 101 Terminator, played by Arnold Schwarzenegger and Roland Kickinger. Being both a sequel and a prequel to the previous films, Salvation, set in 2018, focuses on the war between humanity and Skynet. It abandons the format of previous entries in the series, which only revolved around Terminators and various other characters traveling through time to either kill or protect John Connor before the events of Judgment Day unfold. It is the first film in the series to receive the PG-13 certificate in the USA, and the second to receive a 12A certificate in the UK.On May 1, 2009, Warner Bros. released the following plot summary for the film:The year is 2018. Judgment Day has come and gone, leveling modern civilization. An army of Terminators roams the post-apocalyptic landscape, killing or collecting humans where they hide in the desolate cities and deserts. But small groups of survivors have organized into a Resistance, hiding in underground bunkers and striking when they can against an enemy force that vastly outnumbers them. Controlling the Terminators is the artificial intelligence network Skynet, which became self-aware 14 years earlier and, in the blink of an eye, turned on its creators, unleashing nuclear annihilation on an unsuspecting world. Only one man saw Judgment Day coming. One man, whose destiny has always been intertwined with the fate of human existence: John Connor (Christian Bale). Now the world is on the brink of the future that Connor has been warned about all his life. But something totally new has shaken his belief that humanity stands a chance of winning this war: the appearance of Marcus Wright (Sam Worthington), a stranger from the past whose last memory is of being on death row before awakening in this strange, new world. Connor must decide whether Marcus can be trusted. But as Skynet adapts new strategies to end the Resistance forever, Connor and Marcus must find common ground to take a stand against the onslaught—to infiltrate Skynet and meet the enemy head-on.[2]Connor does not start off as leader of the human resistance, but will work his way through the ranks in the film. He is mistrusted by other soldiers due to his extensive knowledge of Skynet.[3] McG said that the film will reveal the development of the Model 101 Terminator as well:[4] scenes involve humans being captured and studied by Skynet in order to perfect their cybernetic organisms and John explaining "[if] we let these things go online, the war is over".[5] Skynet tries to kill Kyle Reese because it is aware that Reese is John's father, and uses him as a bait in an attempt to kill John.[6][edit] CastChristian Bale as John Connor: A soldier in the Resistance waging war against Skynet after it destroyed much of humanity in a nuclear holocaust, who is destined to become humanity's leader. Director McG deemed Bale "the most credible action star in the world" during development.[5] McG wanted Bale for Marcus, but the actor – for reasons he "can't really remember why" – wanted to play Connor, and that led to the character's role getting expanded in rewrites of the script.[7] Bale was the first person to be cast and signed on for the role in November 2007. McG talked extensively with Bale in the UK about the role while the latter was filming The Dark Knight, and they both agreed to proceed.[8] Although a fan of the Terminator series, he was at first uninterested, until McG convinced him the story would be character-based and not rely on special effects.[5] They kept working on the story every day, along with Worthington.[9] McG said Bale broke his hand punching a Terminator prop during filming.[10] Bale also spent six to eight hours each day with McG in the editing room to advise the finished product.[11]Sam Worthington as Marcus Wright: A resistance soldier who is plagued by vague memories and is discovered to be a decommissioned Terminator.[3] His last memory is of being on death row, and John is unsure of whether Wright is from the past or from the future.[12] Terminator creator James Cameron personally recommended Worthington (whom he directed in Avatar) to McG.[13] Russell Crowe also recommended him to McG. McG decided Worthington looked tougher than the "great many of today's [waify] young male actors".[3] Worthington recalled Cameron told him "the Terminator to make is the one with the war".[14] Worthington tore his intercostal muscles during the first weeks of filming, but he nevertheless insisted on performing his own stunts.[15][3] McG had originally asked Christian Bale to play the role, but the latter insisted on portraying John instead, and to expand the character's role.[16] The former once expressed interest in casting Daniel Day-Lewis or Josh Brolin in the part as well.[17][4] Brolin did talk to Bale and read a draft of the screenplay, which he found "interesting and dark, [but] ultimately, though, I didn't think it felt right".[18]Anton Yelchin as Kyle Reese: A teenage soldier and admirer of John Connor. As portrayed by Michael Biehn in The Terminator, he was sent back in time to 1984 to protect Sarah Connor to ensure the survival of the human race, and fathered John with her. Yelchin said he wanted to portray Reese as Biehn did and not make him appear weaker because it was a younger version of the character. The difference in his portrayal lies in showing Reese as intense, but not concentrated until he joins the resistance proper. Yelchin tried to convey Reese's intensity by focusing on how fast Biehn appeared when running in the original film.[19]Bryce Dallas Howard as Kate Connor: John's wife, who is seven months pregnant. Charlotte Gainsbourg was originally set to play the part, but left due to scheduling conflicts with another film.[20] As portrayed by Claire Danes in the third film, Kate was a veterinarian; but in this film, she is now a physician. Howard suggested, as part of the character's backstory, that Kate studied medical books and interviewed many surviving doctors after the events of Judgment Day. The film's subject matter reminded her of developing countries, devastated by war and lack basic supplies such as clean water, which "reflects things that are going on currently in this privileged world that we're living in where there hasn't been an apocalypse and robots haven't taken over the world. I think that's something definitely for us to reinvestigate and that we continue to make choices for our own future to take that into consideration".[21] Howard also focused on Kate "being accustomed to fear and loss" because the character was a military brat.[6]Moon Bloodgood as Blair Williams: A battle-hardened fighter pilot in John’s resistance cell, Blair continues the legacy of the Terminator franchise and its penchant for tough-as-nails female characters a la Sarah Connor. After being shot down by Skynet’s aerial forces, Blair is aided by Marcus and the two become fast friends on their way to rendezvousing with John Connor and his team. Her instincts—honed from years surviving in the wastelands and flying countless combat missions—lead her to trust Marcus, despite growing suspicions in Connor’s inner circle about the mysterious stranger’s motives.[22] She will apparently be a romantic interest for Marcus.[23]Common as Barnes: A resistance soldier and John's right-hand man.[24][25]Helena Bonham Carter as Dr. Serena Kogan: The lead villain of the film, and a Terminator hybrid.[26] Before Judgment Day, Serena was an ex-Cyberdyne scientist with terminal cancer working on advanced technology, convincing Marcus to donate his body to Project Angel for her "research," for which will fall into the hands of Skynet.[27] Tilda Swinton was originally considered for the part, but Carter replaced her before filming. She accepted the part because her boyfriend, Tim Burton, is a Terminator fan. Her role was a "small but pivotal" one and would only require ten days of shooting.[28] On August 22, 2008, Carter delayed filming by a day,[29] and was given an indefinite leave due to the death of four of her family members in a minibus accident in South Africa.[30]Arnold Schwarzenegger and Roland Kickinger as the T-800 Model 101: The first Terminator covered in living human tissue built as Skynet's newest weapon for the extermination of humankind. Schwarzenegger will reprise his role via ADR and CGI facials, while the Austrian bodybuilder Kickinger, who previously portrayed Schwarzenegger in the 2005 biographical film See Arnold Run, was his double on set, for which a mold of the former — from 1983 — was scanned to create Kickinger's digital resemblance to the actor.[31] When asked about his role, Kickinger said it's "Arnold's character in the first Terminator. That's basically my role, but 20 years before, so it establishes how the Terminator came about."[32] Polish strongman athlete Mariusz Pudzianowski was also considered for doubling Schwarzenegger.[33] If Schwarzenegger had decided not to lend his appearance to the film, then Connor would have shot the T-800's face off before the audience got a good look at him.[34]Additional cast members include Brian Steele as a T-600,[35] Jadagrace Berry as Star, a girl in Reese's care,[6] Chris Ashworth as Richter,[36] Chris Browning as Morrison,[37] Michael Ironside as General Ashdown, the resistance leader before John,[11] Jane Alexander as Virginia, a refugee,[38] and Terry Crews as Captain Jericho.[39] Linda Hamilton has been confirmed to reprise her role as Sarah Connor in a voice over that opens the movie; they are from tapes Sarah recorded before her death prior to the film's events to warn John of the future war.[40][41][42][edit] Production[edit] DevelopmentIn 1999, two years after C2 Pictures purchased the rights to the franchise, two Terminator films' premises were mapped out and were supposed to be developed simultaneously. Tedi Sarafian was hired to write Terminator 3: Rise of the Machines, which he eventually received shared story credit for, while David C. Wilson was to write Terminator 4. Before any revisions were done, T3 initially took place in 2001 and revolved around the first attacks between Skynet and humans. T4 would follow immediately afterwards and centered primarily on the war seen in the first two movies.[43]Following the release of Terminator 3 in 2003, producers Andrew G. Vajna and Mario Kassar contracted Nick Stahl and Claire Danes to return as John Connor and Kate Brewster in another film.[44] Director Jonathan Mostow helped develop the script, written by John Brancato and Michael Ferris, and was set to begin production in 2005 after completing another film. It was known by then Arnold Schwarzenegger's role would be limited having assumed office as Governor of California. The producers sought to have Warner Bros. finance the picture as they did for Terminator 3.[45] In 2005, Stahl said Connor and Brewster would be recast as the story jumped forward in time.[46] By 2006, Metro-Goldwyn-Mayer, distributor of the original film The Terminator, was set to distribute the fourth film as part of the new CEO Harry Sloan's scheme to make the studio a viable Hollywood playerOn May 9, 2007, it was announced that production rights to the Terminator series had passed from the feuding Vajna and Kassar to the Halcyon Company. The producers hoped to start a new trilogy based on the franchise.[47] By July 19, the project was in legal limbo due to a lawsuit between MGM and Halcyon subsidiary T Asset. MGM had an exclusive window of 30 days to negotiate for distribution of the Terminator films. When negotiating for Terminator 4, Halcyon rejected their initial proposal, and MGM suspended negotiations. After the 30 days were over, MGM claimed that the period during which negotiations were suspended did not count and their exclusive period was still open. Halcyon asked a court for an injunction allowing them to approach other distributors.[48][edit] WritingMcG signed on to direct as the first two films were among his favorites, and he had even cast Robert Patrick (who played the T-1000) in his films.[49] Though he was initially unsure about "flogging a dead horse,"[5] he felt the post-apocalyptic setting allowed the film to be different enough so to not be an inferior sequel. The idea that events in Terminator 2: Judgment Day and Terminator 3 altered the future also allowed them to be flexible with their presentation of the futuristic world.[50] McG met with the series' co-creator James Cameron, and, although he neither blessed nor cursed the project, Cameron told the new director he had faced a similar challenge when following Ridley Scott's Alien with Aliens.[5] He maintained two elements of the previous films; that John is an outsider to the authorities, and someone of future importance is being protected, and in this film it is Kyle Reese.[38]The first full screenplay for the film was written by Terminator 3 writers John Brancato and Michael Ferris, who received full screenplay credit. Paul Haggis rewrote Brancato and Ferris's script,[51] and Shawn Ryan made another revision three weeks before filming.[52] Jonathan Nolan also wrote on set, which led to McG characterizing his work on the script as the most important;[50] he chose to contribute to the film after Bale signed on and created Connor's arc of becoming a leader.[53] Anthony E. Zuiker contributed to the script as well.[54] So extensive were the rewrites that Alan Dean Foster decided to rewrite the entire novelization after submitting it to his publisher, because the compiled shooting script was very different from the one he was given beforehand.[55]"You survived the nuclear holocaust and you crawl out of the hole after three-to-five years and say, 'Well, I know what's going on — I'm the one!' Some SAS guy isn't going to say, 'Where do I go, boss?' He'd say, 'Shut the fuck up and get in line.'"— McG on John's struggles to become the leader.[56]In the early script drafts, John was a secondary character. Producer James Middleton explained "Ben-Hur was influenced by Jesus Christ, but it was his story. Much in that way, this [new main] character will be influenced by John Connor."[57] The original ending was to have John killed, and his image kept alive by the resistance by grafting his skin onto Marcus' cybernetic body.[58][59] However, after the Internet leak, Warner Bros. decided to completely change the entire third act of the film.[60] McG and Nolan did continue the Christ element of Connor's character though, in which he has some followers who believe what he knows about Skynet, and others who do not.[61]McG described the film's theme as "where you draw the line between machines and humans".[5] The friendship between Marcus — who was treated wrongly when humanity still ruled the world — and Kyle Reese illustrates how war and suffering can bring out the best in people, such as when they worked together to survive during the Blitz.[56] The title was derived from this second chance given to humanity and to Marcus, in addition to Connor's efforts to save humanity from the machines.[62] The film's original title was Terminator Salvation: The Future Begins, but this was dropped during filming.[56]Throughout writing, the cast and crew would watch scenes from the three films to pick moments to reference or tribute, including "I'll be back", which is uttered by Connor in this film. McG found himself having to decide which ideas for references would be included and which would not.[63] An opening scene has Connor fighting a Terminator on a crashed helicopter, which was storyboarded as a homage to the climax of the original film, where his mother Sarah, having broken her leg, is chased by a crippled Terminator. McG did this to reflect the skills Connor learned from her.[3][edit] Filming and designShooting of the film started on May 5, 2008 in New Mexico.[64] Filming also took place at Kirtland Air Force Base in the state.[65] The filmmakers had originally intended to begin filming on April 15 in Budapest,[66] but a new twenty-five percent tax rebate and absence of an interest rate cap and floor made the filmmakers seek the cheaper New Mexico, because of their $200 million budget.[67] To avoid delays caused by a possible 2008 Screen Actors Guild strike in July, all exterior scenes were completed by then, so production could restart easily.[68] The shoot ended on August 22, 2008,[29] though some pick-ups took place in January 2009.[69]In addition to Bale breaking his hand and Worthington hurting his back, special effects technician Mike Menardis almost lost his leg filming an explosion. The sequence required a manhole being blown into the air, which hit Menardis and partially severed his leg. McG noted it was testament to the gritty style of the film. "I say with respect, I didn't want that Star Wars experience of everything's a blue screen, tennis balls, and go for it. I had Stan Winston build all the machines. We built all the sets, the explosive power, the explosive power so you feel that wind and that percussion and that heat blowing your eyebrows off. And with that you get a couple bumps and bruises on the way, but you get it in an integrity and a realism that hopefully echoes Apocalypse Now. You couldn't say, 'Let's just shoot Apocalypse Now in Burbank, I think it's going to feel just as good.'"[62]The film used Technicolor's Oz process during post-production. This is a partial silver retention on the interpositive, similar to bleach bypass, which will be used to lend to the sense of detachment from the modern world McG was looking for.[9] The filmmakers consulted with many scientists about the effects of an abandoned world and nuclear winter.[49] McG cited Mad Max 2, the original Star Wars trilogy and Children of Men, as well as the novel The Road, as his visual influences.[5][49] He instructed his cast to read the latter as well as Do Androids Dream of Electric Sheep?[50][70] Like Children of Men, McG would storyboard scenes so that it would be edited together to resemble a seamless, continuous shot.[71]The majority of the machines were designed by Martin Laing, a crew member on Cameron's Titanic and Ghosts of the Abyss.[35] McG described many of the machines as having a H. R. Giger influence.[49] McG's intent was to create a gritty, tactile 2018 on screen, and Laing concurred the robots would have to be black and degraded as none of them are new. Laing devised Aerostats, which are smaller versions of the Aerial Hunter Killers from the previous films. These Aerostats send a signal to the 60 feet tall humanoid Harvesters. They are very big and slow, so they utilize Mototerminators to capture humans, and the Harvesters place them in Transporters. Laing was unsure of how to design the Transporters until he saw a cattle transport while driving through Albuquerque. Completing Skynet's domination of air, land and sea is the Hydrobot, which Laing modeled on eels.[56] The film features the rubber-skinned T-600s and T-700s. McG interpreted Kyle Reese's description in the original film of the T-600 as being easy to spot by making them tall and bulky.[5]Salvation was one of the last films Winston, the visual effects supervisor on the first three films, worked on. He died on June 15, 2008 from multiple myeloma,[72] and McG will dedicate the film to him.[11] John Rosengrant and Charlie Gibson replaced Winston,[35] and McG commented that they are "trying to achieve something that's never been done before"[73] and will "push the envelope".[74] Motion capture was used to show damage to the Terminator Marcus' face,[38] while a 20 foot tall model was used for the explosion of a 30-story building.[56]During filming, Bale became angry at director of photography Shane Hurlbut, swearing at him and threatening to leave the film; audio of the incident was leaked in February 2009. Bale apologized publicly and said he resolved his differences with Hurlbut, and that when the incident took place they continued to film for a few hours.[75][edit] MusicDanny Elfman began composing the score in January 2009. Beforehand, McG had the idea to hire Gustavo Santaolalla, who he got to speak with, to work on the human themes, while having either Thom Yorke or Jonny Greenwood for Skynet's themes.[53][40] He also wanted to discuss scoring the film with Hans Zimmer, but he was unable to arrange a meeting. However, he managed to meet with The Terminator and Terminator 2 composer Brad Fiedel. McG was not interested in repeating the sounds Fiedel achieved in his films but still wanted Elfman to use those themes and ambient sounds, and give them a "Wagnerian quality".[38]Reprise Records will release the soundtrack on May 19, 2009, which will include fifteen tracks. Alice in Chains' "Rooster" is among the featured songs,[76] while Common has expressed interest in writing a song for the soundtrack.[77]Soundtrack[76]Terminator SalvationFilm score by Danny ElfmanReleasedMay 19th 2009LabelReprise RecordsOpeningAll Is LostBroadcastThe Harvester ReturnsFiresideNo PlanReveal/ The EscapeHydrobot AttackFarewellMarcus Enters SkynetA SolutionSerenaFinal ConfrontationSalvation"Rooster" by Alice In Chains[edit] LawsuitIn March 2009, producer Moritz Borman filed a lawsuit against the Halcyon Company, seeking $160 million. Borman, who had arranged the transfer of the Terminator rights to Halcyon in May 2007, stated the company's two managers Derek Anderson and Victor Kubicek had "hijacked" the production and refused to give him his $2.5 million share of the production. Borman alleged budget overruns were the reasons Anderson and Kubicek did not pay him and that they had $1 million in debt.[78] Nevertheless, an "amicable" resolution was reached a month later.[79][edit] ReleaseThe film will be released in the U.S. on May 21, 2009 with Warner Bros. setting the American premiere on May 14, 2009 at the Grauman's Chinese Theatre in Hollywood.[80] Elsewhere, Sony Pictures Entertainment will be releasing the film in most overseas territories on different dates on June. One exception is Mexico, however, because of the swine flu outbreak in the country, which forced Sony to push the release date to July 31, 2009.[81]It is rated PG-13 by the Motion Picture Association of America for intense sequences of sci-fi violence and action, and language, unlike the previous R-rated films.[82] The decision was made to rate the film PG-13 after agreeing to cut out a shot of Marcus stabbing a thug with a screwdriver, as McG felt disallowing the young audience due to that one shot was unfair. He also deleted a topless scene for Moon Bloodgood because "It was a soft moment between a man and a woman that was designed to echo the Kelly McGillis/Harrison Ford moment in Witness [but] in the end, it felt more like a gratuitous moment of a girl taking her top off in an action picture, and I didn't want that to convolute the story or the characters."[83] The producers had expected the rating because of the modern leniency towards violence in PG-13 films, such as Live Free or Die Hard.[51]In addition to the novelization by Alan Dean Foster, a prequel novel entitled From the Ashes by Timothy Zahn was released.[84][85] IDW Publishing released a four-issue prequel comic, as well as an adaptation.[86] It follows Connor rallying together the resistance in 2017, as well as examining normal people overcoming their intolerances to defeat Skynet.[87] Playmates Toys, Sideshow Collectibles, Character Options, and DC Unlimited will produce merchandise,[88][89] while Chrysler, Pizza Hut, and 7-Eleven are among the product placement partners.[90][91] A roller coaster will open at Six Flags Magic Mountain.[92]A video game of the same name will coincide with the release of the film. The game will be a third-person shooter.[93] Christian Bale declined to lend his voice. The game will, however, feature the voices of Common and Moon Bloodgood as Barnes and Blair Williams, respectively.[94] Rose McGowan will voice the character of Angie Salter, despite not appearing in the film.[95][edit] References^ BBFC Rating^ About The Film Comingsoon.net retrieved 2009-05-04^ a b c d e Karl Rozemeyer. "On the Set of McG's 'Terminator Salvation'". Premiere. http://www.premiere.com/Feature/On-the-Set-of-McG-s-Terminator-Salvation/On-the-Set-of-McG-s-Terminator-Salvation. Retrieved on 2008-12-18. ^ a b A.C. Ferrante (2008-02-06). "Exclusive News: McG talks Terminator Salvation and hints at Josh Brolin to play a new foe". iF Magazine. http://www.ifmagazine.com/new.asp?article=5690. Retrieved on 2008-02-06. ^ a b c d e f g h Orlando Parfitt (2008-11-19). "Terminator Salvation First Look". IGN. http://movies.ign.com/articles/931/931531p1.html. Retrieved on 2008-11-19. ^ a b c Charlie Anders (2009-02-28). "Terminator Trailer (And 2 Scenes) Show Robot Angst". io9. http://io9.com/5162184/terminator-trailer-and-2-scenes-show-robot-angst. Retrieved on 2009-03-01. ^ Meredith Woerner (2009-05-11). "John Connor Was Originally A Terminator 4 Supporting Character". io9. http://io9.com/5248232/john-connor-was-originally-a-terminator-4-supporting-character. Retrieved on 2009-05-11. ^ Eric Goldman (2008-03-20). "Terminator Director Gives Hints". IGN. http://movies.ign.comarticles/861/861048p1.html. Retrieved on 2008-05-11. ^ a b McG (2008-07-21). "Terminator Salvation: The Future Begins Blog". Official blog. http://rss.warnerbros.com/terminatorsalvation/2008/07/prometheus.html. Retrieved on 2008-07-21. ^ Sophie Albers (2008-11-22). "Härter, lauter, Christian Bale" (in German). Rubriken stern.de. http://www.stern.de/unterhaltung/film/:Terminator%3A-Die-Erl%F6sung-H%E4rter%2C-Christian-Bale/646550.html. Retrieved on 2008-11-25. ^ a b c Edward Douglas (2009-01-13). "Terminator: Salvation Roadshow Rolls Into NY!". ComingSoon.net. http://www.comingsoon.net/news/movienews.php?id=51676. Retrieved on 2009-01-14. ^ Olly Richards (2008-05-23). "Terminator 4 Story Details Released". Empire Online. http://www.empireonline.com/news/story.asp?NID=22623. Retrieved on 2008-05-23. ^ Diane Garrett, Michael Fleming (2008-02-12). "Worthington to star in 'Terminator'". Variety. http://www.variety.com/article/VR1117980831.html. Retrieved on 2008-04-14. ^ Chris Hewitt (December 2008). "The New Breed". Empire: p. 138. ^ McG (2008-05-22). "Terminator Salvation: The Future Begins Blog". Official blog. http://rss.warnerbros.com/terminatorsalvation/2008/06/. Retrieved on 2008-06-04. ^ Alex Dobuzinskis (2009-05-08). "Christian Bale forces "Terminator" rewrite". Reuters. http://news.yahoo.com/s/nm/20090508/film_nm/us_terminator;_ylt=Ais73m3ewXCF6hLTjIWolqNxFb8C. Retrieved on 2009-05-09. ^ "MCG - MCG WANTS DAY-LEWIS FOR TERMINATOR". ContactMusic.com. 2008-02-02. http://www.contactmusic.com/news.nsf/article/mcg%20wants%20day-lewis%20for%20terminator_1058225. Retrieved on 2008-08-21. ^ Josh Horowitz (2008-11-25). "Josh Brolin Confirms He Almost Signed On For ‘Terminator Salvation’". MTV Movies Blog. http://moviesblog.mtv.com/2008/11/25/josh-brolin-confirms-he-almost-signed-on-for-terminator-salvation/. Retrieved on 2008-11-25. ^ Todd Gilchrist (2009-01-16). "Terminator's Anton Yelchin on becoming Kyle Reese". http://scifiwire.com/2009/01/terminators-anton-yelchin-talks-about-being-kyle-reese.php. Retrieved on 2009-01-16. ^ "Bryce Dallas Howard Replaces Charlotte Gainsbourg in Terminator 4". MovieWeb. 2008-06-02. http://www.movieweb.com/news/25/29025.php. ^ Fred Topel (2008-08-25). "Bryce Dallas Howard on Terminator Salvation". CanMag. http://www.canmag.com/nw/12092-terminator-salvation-future-begins-bryce-dallas-howard. Retrieved on 2008-08-25. ^ "Blair Williams". DOSE.CA. 2009-05-17. http://www.dose.ca/photos/movies/terminatorcharacters.html?g=5. Retrieved on 2009-05-17. ^ Quint (2008-07-26). "Pics of a T-600 as well as TERMINATOR: SALVATION footage description by Quint from Comic-Con!". Ain't It Cool News. http://www.aintitcool.com/node/37662. Retrieved on 2008-08-21. ^ "Rapper 'to appear in Terminator'". BBC News. 2008-05-07. http://news.bbc.co.uk/1/hi/entertainment/7387852.stm. Retrieved on 2008-05-14. ^ FEARnet (2008-06-17). "'Wanted's' Common on 'Terminator Salvation' and 'Justice League'!". Fearnet.com. http://www.fearnet.com/MCNewsDetailPage.aspx?catid=30&mid=14848. Retrieved on 2008-06-17. ^ Brendon Connelly (2009-04-05). "Terminator Salvation Spoiler: Serena". Slashfilm.com. http://www.slashfilm.com/2009/04/05/terminator-salvation-spoiler-first-look-at-helena-bonham-carter-as-serena-korgen/. Retrieved on 2009-04-29. ^ Toni-Marie Ippolito (2009-08-24). "Terminator Salvation: The Characters". Terminator Salvation.ca. http://www.terminatorsalvation.ca/skynet/index.php/terminator-salvation-the-characters/2009/04/. Retrieved on 2009-04-28. ^ Ian Spelling (2008-08-05). "Carter Is Terminator's Big Bad". Sci Fi Wire. http://www.scifi.com/scifiwire/index.php?category=0&id=58332. Retrieved on 2008-08-05. ^ a b "Arnold Schwarzenegger Lends Voice to "Terminator Salvation"?". WorstPreviews.com. 2008-08-22. http://www.worstpreviews.com/headline.php?id=9878&count=0. Retrieved on 2008-08-23. ^ Camilla Tominey (2008-08-24). "Helena halts film to comfort family". Daily Express. http://www.express.co.uk/posts/view/58224/Helena-halts-film-to-comfort-family. Retrieved on 2008-08-24. ^ Michael Fleming (2009-04-22). "Digital Governator set for 'Terminator'". Variety. http://www.variety.com/article/VR1118002743.html. Retrieved on 2009-04-23. ^ Ben Forrest (2008-07-16). "'Terminator' actor visits Goderich area". Clinton News-Record. http://www.clintonnewsrecord.com/ArticleDisplay.aspx?e=1117058. Retrieved on 2008-07-16. ^ "Terminatorem, Dyson and more". TerminatorFiles.com. 2008-05-09. http://www.terminatorfiles.com/news/2008/2008-05-09-a.htm. Retrieved on 2008-09-01. ^ Fred Topel (2009-05-15). "How McG made that T-800 at the end of Terminator Salvation". Sci Fi Wire. http://scifiwire.com/2009/05/how-mcg-made-that-t-800-a.php. Retrieved on 2009-05-16. ^ a b c Daniel Etherington (2008-11-19). "Terminator Salvation Advance Screening Report". Channel 4. http://www.channel4.com/film/reviews/feature.jsp?V=3&SV=2&id=170352. Retrieved on 2008-11-20. ^ "Bedford native lands role in "Terminator 4"". WDBJ7.com. 2008-05-26. http://www.wdbj7.com/global/story.asp?s=8381370. Retrieved on 2008-06-06. ^ "Chris Browning Joins Terminator Salvation". Filmonic. 2008-05-28. http://filmonic.com/chris-browning-joins-terminator-salvation. Retrieved on 2008-08-04. ^ a b c d Ron Henriques (2009-01-12). "Terminator Salvation 20Min Preview & First Look At More Concept Art!!". Latino Review. http://www.latinoreview.com/news/terminator-salvation-20min-preview-first-look-at-more-concept-art-5972. Retrieved on 2008-11-13. ^ "'Terminator Salvation' co-star defends Bale". NBC Action News. 2009-02-03. http://www.nbcactionnews.com/entertainment/story/Terminator-Salvation-co-star-defends-Bale/VoaEOqC5DUaam0npJ6mUEg.cspx. Retrieved on 2008-02-04. ^ a b Sheila Roberts (2009-01-17). "McG Interview, Terminator Salvation". MovieOnline.ca. http://www.moviesonline.ca/movienews_16271.html. Retrieved on 2009-01-17. ^ "MTV Movies Blog » EXCLUSIVE: Linda Hamilton In Negotiations For ‘Terminator Salvation’". Moviesblog.mtv.com. 2009-02-19. http://moviesblog.mtv.com/2009/02/19/exclusive-linda-hamilton-in-negotiations-for-terminator-salvation/. Retrieved on 2009-03-03. ^ "Linda Hamilton is in ‘Terminator Salvation’". CHUD.com. 2009-03-17. http://chud.com/articles/articles/18541/1/IT039S-OFFICIAL-LINDA-HAMILTON-IS-IN-TERMINATOR-SALVATION/Page1.html. Retrieved on 2009-03-18. ^ Michael Fleming (1999-11-11). "'T2' times two". Variety. http://www.variety.com/article/VR1117757936.html?categoryid=13&cs=1&query=mario+kassar. Retrieved on 2008-01-12. ^ Brian Linder (2003-11-19). "T4 Moving Ahead". IGN. http://movies.ign.com/articles/441/441125p1.html. Retrieved on 2008-11-19. ^ Michael Fleming (2004-09-23). "Will he be back?". Variety. http://www.variety.com/article/VR1117910872.html?categoryid=1238&cs=1. Retrieved on 2008-11-19. ^ Peter Sciretta (2006-09-11). "Terminator 4 Announced". Slashfilm. http://www.slashfilm.com/article.php/20060911terminator-4-announced. Retrieved on 2008-11-22. ^ Michael Fleming (2007-05-09). "More 'Terminator' on the way". Variety. http://www.variety.com/article/VR1117964592.html. Retrieved on 2007-05-09. ^ Franklin, Garth (2008-02-27). "Sony bags distribution rights for Terminator". One India. http://entertainment.oneindia.in/hollywood/top-stories/scoop/2008/sony-terminator-rights-270208.html. Retrieved on 2008-04-14. ^ a b c d Eric Vespe (2008-08-04). "Quint chats TERMINATOR: SALVATION with McG!". Ain't It Cool News. http://www.aintitcool.com/node/37779. Retrieved on 2008-08-05. ^ a b c "Comic-Con Interview: McG". Moviehole. http://www.moviehole.net/200814587-comic-con-interview-mcg. Retrieved on 2008-08-05. ^ a b Anne Thompson (2008-05-13). "'Terminator' guns for kid-friendly rating". Variety. http://www.variety.com/VR1117985086.html. Retrieved on 2008-05-13. ^ Eric Goldman (2008-07-17). "Ryan Talks T4". IGN. http://uk.movies.ign.com/articles/890/890859p1.html. Retrieved on 2008-07-17. ^ a b Meredith Woerner (2009-01-13). "Terminator Ending "Might Piss Off A Lot Of People"". io9. ^ "Movie Sneaks 2009". Los Angeles Times. 2008-01-12. http://www.latimes.com/entertainment/news/movies/moviesneaks/la-et-sneaks2009-pg,0,7887582.photogallery?index=60. Retrieved on 2008-01-12. ^ "Updates". Alan Dean Foster's website. 2008-10-12. http://www.alandeanfoster.com/version2.0/frameset.htm. Retrieved on 2008-10-28. ^ a b c d e Adam Smith (April 2009). "25 Years of Terminator: Salvation". Empire: pp. 75-82. ^ Travis Fickett (2007-09-25). "Terminator 4 Update!". IGN. http://uk.movies.ign.com/articles/822/822974p1.html. Retrieved on 2008-11-19. ^ Drew McWeeny (2008-06-02). "Updated! That Crazy TERMINATOR 4 Rumor? Turns Out It Might Be A Crazy Giant Spoiler...". Ain't It Cool News. http://www.aintitcool.com/node/36947. Retrieved on 2008-11-26. ^ "The truth behind that shocking AICN Terminator 4 spoiler". CHUD. http://chud.com/articles/articles/14987/1/THE-TRUTH-BEHIND-THAT-SHOCKING-AICN-TERMINATOR-4-SPOILER/Page1.html. Retrieved on 2009-03-06. ^ Clint Morris (2009-03-21). "Exclusive : Terminator's Salvation". Moviehole.net. http://www.moviehole.net/200918238-exclusive-terminators-salvation. Retrieved on 2009-05-09. ^ Eric Ditzian (2009-01-13). "New 'Terminator Salvation' Preview: Heart-Pounding Battles, Big (And Bigger) Explosions". MTV. http://www.mtv.com/movies/news/articles/1602598/story.jhtml. Retrieved on 2009-01-14. ^ a b Patrick Lee (2009-03-02). "McG goes deep about the “salvation” in his Terminator". Sci Fi Wire. http://scifiwire.com/2009/03/mcg-goes-deep-about-the-salvation-in-his-terminator.php. Retrieved on 2009-03-02. ^ Orlando Parfitt (2008-11-19). "Exclusive: Bale'll Be Back". IGN. http://uk.movies.ign.com/articles/931/931781p1.html. Retrieved on 2008-11-19. ^ Sue Zeidler (2008-05-08). "Terminator 4 starts filming despite strike fears". Reuters. http://www.reuters.com/article/filmNews/idUSN0728158020080509. Retrieved on 2008-05-11. ^ Staff Sgt. Matthew Bates (2009-04-06). "Kirtland provides Airmen, location for 'Terminator Salvation'". United States Air Force. http://www.af.mil/news/story.asp?id=123139441. Retrieved on 2009-04-07. ^ "Reprise of the Machines". Empire: p. 20. February 2008. ^ Michael Cieply (2008-07-02). "This Film Will Be Back, Strike or No Strike". The New York Times. http://www.nytimes.com/2008/07/02/movies/02term.html?_r=1&ref=movies&oref=slogin. Retrieved on 2008-07-02. ^ Fleming, Michael; Pamela McClintock (2008-02-27). "Film greenlights in limbo". Variety. http://www.variety.com/article/VR1117981560.html. Retrieved on 2008-04-14. ^ "NYCC: McG Goes Christian Bale On His Audience" (Video). Cinema Blend. 2009-02-07. http://www.cinemablend.com/new/NYCC-McG-Goes-Christian-Bale-On-His-Audience-11914.html. Retrieved on 2009-02-07. ^ Tatiana Siegel (2008-09-03). "Derek Anderson & Victor Kubicek". Variety. http://www.variety.com/article/VR1117991557.html?categoryid=3231&cs=1. Retrieved on 2008-09-21. ^ Jacob Flynn (2009-03-27). "Exclusive: McG Talks Terminator Salvation". Rotten Tomatoes. http://uk.rottentomatoes.com/m/terminator_salvation/news/1808641/exclusive_mcg_talks_terminator_salvation. Retrieved on 2009-03-27. ^ "Stan Winston: 1946 - 2008". Superhero Hype!. 2008-06-16. http://www.superherohype.com/news/ironmannews.php?id=7360. Retrieved on 2008-06-16. ^ McG (2008-10-22). "The Future So Far...". Official blog. http://rss.warnerbros.com/terminatorsalvation/2008/10/we_wrapped_principal_photograp.html. Retrieved on 2008-11-19. ^ Neil Smith (2008-11-19). "Director hosts Terminator preview". BBC News. http://news.bbc.co.uk/2/hi/entertainment/7737392.stm. Retrieved on 2008-11-19. ^ Peter Sciretta (2009-02-06). "Christian Bale Apologizes For Tirade". /Film. http://www.slashfilm.com/2009/02/06/christian-bale-apologizes-for-tirade/. Retrieved on 2009-02-06. ^ a b "Terminator Salvation Soundtrack Includes Alice in Chains track". Vintage Guitar. 2009-05-05. http://www.vintageguitar.com/newswire/detail.asp?newsID=1729. Retrieved on 2009-05-06. ^ Larry Carroll (2008-12-10). "Common Writing ‘Terminator’-Inspired Song For ‘Salvation’ Soundtrack". MTV Movies Blog. http://moviesblog.mtv.com/2008/12/10/exclusive-common-writing-terminator-inspired-song-for-salvation-soundtrack/. Retrieved on 2008-12-10. ^ Dave McNary (2009-03-07). "'Terminator' producers in legal battle". Variety. http://www.variety.com/article/VR1118000947.html. Retrieved on 2009-03-07. ^ Dave McNary (2009-04-15). "'Terminator' lawsuit settled". Variety. http://www.variety.com/article/VR1118002475.html. Retrieved on 2009-04-17. ^ "Warner Bros. Pictures Presents U.S. Premiere of TERMINATOR SALVATION Thursday, May 14". BusinessWire.com. 2009-04-30. http://www.businesswire.com/portal/site/google/?ndmViewId=news_view&newsId=20090430006796&newsLang=en. Retrieved on 2009-05-02. ^ Pamela McClintock (2009-04-30). "Flu forces studios to shuffle slates". Variety. http://www.variety.com/article/VR1118003031.html?categoryid=13&cs=1. Retrieved on 2009-04-30. ^ "Fox To Air Terminator Salvation “Extended Look”, Promo Confirms PG-13 Rating". /Film. 2009-04-13. http://www.slashfilm.com/2009/04/13/fox-to-air-terminator-salvation-extended-look-promo-confirms-pg-13-rating/. Retrieved on 2009-04-14. ^ Ian Spelling (2009-05-09). "McG talks Terminator Salvation's ratings, deleted scenes, boobs and rants". Sci-Fi Wire. http://scifiwire.com/2009/05/mcg-talks-terminator-salv.php. Retrieved on 2009-05-09. ^ "Terminator Salvation books on pre-order". Terminator Files. 2008-08-23. http://www.terminatorfiles.com/news/2008/2008-08-23-a.htm. Retrieved on 2008-09-03. ^ "Titan's 'Terminator' Tomes". ICV2. 2008-06-26. http://www.icv2.com/articles/news/12809.html. Retrieved on 2008-07-02. ^ Matt Murphy (2008-07-26). "CCI: IDW's Ideals and Dreams". Comic Book Resources. http://www.comicbookresources.com/?page=article&id=17450. Retrieved on 2008-07-28. ^ Jennifer Vineyard (2008-07-27). "EXCLUSIVE: Go Inside ‘Terminator Salvation’ With Our First Look At The Upcoming Prequel Comic!". MTV Movies Blog. http://splashpage.mtv.com/2008/07/27/exclusive-go-inside-terminator-salvation-with-our-first-look-at-the-upcoming-prequel-comic/. Retrieved on 2008-07-28. ^ "Toys and collectibles licenses are in". Terminator Files. 2008-07-23. http://www.terminatorfiles.com/news/2008/2008-07-23-b.htm. Retrieved on 2008-07-24. ^ "DC Direct Finds Some ‘Salvation’ In ‘Terminator’ Franchise". MTV Splash Page. 2008-07-25. http://splashpage.mtv.com/2008/07/25/dc-direct-finds-some-salvation-in-terminator-franchise/. Retrieved on 2008-07-29. ^ "Chrysler Cars to be Featured in Terminator Salvation". Comingson.net. 2009-01-21. http://www.comingsoon.net/news/movienews.php?id=52099. Retrieved on 2009-05-02. ^ Brian Jacks (2009-04-30). "‘Terminator Salvation’: ‘I’ll Be Back…Right After We Go To 7-11’". MTV Movies Blog. http://moviesblog.mtv.com/2009/04/30/terminator-salvation-ill-be-backright-after-we-go-to-7-11/. Retrieved on 2009-02-05. ^ Brady MacDonald (2008-07-25). "Magic Mountain adding wooden coaster in 2009". Los Angeles Times. http://travel.latimes.com/daily-deal-blog/index.php/magic-mountain-woode-2357/. Retrieved on 2008-07-25. ^ "Terminator Salvation Video Game Announced". 2008-11-20. http://www.worstpreviews.com/headline.php?id=10927. Retrieved on 25 November 2008. ^ Langshaw, Mark (March 21 2009). "Terminator game detailed". Digital Spy. http://www.digitalspy.com/gaming/a150276/terminator-game-detailed.html. Retrieved on 27 March 2009. ^ "No Christian Bale in Terminator Salvation Video Game". WorstPreviews.com. 03-04-2009. http://www.worstpreviews.com/headline.php?id=12350. Retrieved on 27 March 2009.